ภูเขาอาจเกิดขึ้นช้าๆ หรืออาจเกิดขึ้นฉับพลันทันใดในแบบภูเขาไฟก็ได้
ภูเขาสูงๆที่ผุดโผล่ขึ้นมาให้เราพิชิตในปัจจุบันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นภูเขาอายุเยาว์วัยในเวลาทางธรณีวิทยาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นเอเวอร์เรสต์ในหิมาลัย อันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดถ้าวัดจากระดับน้ำทะเล, อะคอนคากัวในเทือกเขาแอนดีส ซึ่งเป็นภูเขาไฟ หรือแม้แต่เทือกเขาแอลป์ที่เกิดขึ้นเพราะแผ่นเปลือกโลกแอฟริกาชนกันแผ่นเปลือกโลกยุโรป
ภูเขาวัยหนุ่มสาวพวกนี้ทะเยอทะยานนัก พวกมันพุ่งสูงขึ้น และมีขอบหยักยอดสันที่แหลมคม แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันก็จะกลายเป็นภูเขาที่แก่ชราลง อ่อนโยนลง ขอบหยักสันแหลมจะถูกกล่อมเกลากัดกร่อนให้นุ่มนวลลง แต่ที่จริง การกัดกร่อนได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนภูเขาเหล่านี้จะถือกำเนิดมาด้วยซ้ำ เหมือนความตายที่ครอบคลุมเป็นฉากหลังอยู่ทุกหนทุกแห่ง
การเกิดขึ้นของมนุษย์และภูเขาเป็นเพียงประจักษ์พยานของความเปลี่ยนแปลงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น ดวงอาทิตย์ที่ให้ชีวิตจะแสดงพลังร่วมกับแรงโน้มถ่วง แล้วกัดกร่อนภูเขาด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งจากธารน้ำแข็ง ฝน ลม และแม้กระทั่งแผ่นดินไหว เหมือนที่ชีวิตมนุษย์ถูกกัดกร่อนด้วยสิ่งเร้าภายนอกอย่างเชื้อโรค
แต่ที่ย่ำแย่กว่าภูเขา ก็คือเรามักกัดกร่อนตัวเองด้วยการสร้างวัตถุหรืออุดมการณ์บางอย่างขึ้นมาเร่งเร้าภายในของเราเองด้วย และส่วนใหญ่แล้ว มันคือการกัดกร่อนอันหอมหวานที่ยากจะทานทน
“คุณเห็นไหม” ชาวปกากะญอคนหนึ่งเคยบอกผม “ฝั่งแม่น้ำบนเขาจะชัน บนเขาเรามีแต่หินก้อนใหญ่ๆ ส่วนข้างล่างโน่น” เขาหมายถึงบนพื้นราบ “ฝั่งแม่น้ำของคุณจะเสมอกับผืนน้ำ และมีแต่ตะกอนละเอียด”
เขาหมายความว่า หินก้อนใหญ่ย่อมไม่อาจถูกพัดพาไปจากรากเหง้าของหมู่บ้านได้ มีเพียงกรวดก้อนเล็ก เม็ดดินและเม็ดทรายอันอ่อนแอเท่านั้น ที่อาจถูกกระแสน้ำแห่งโลกยุคใหม่พัดพาไปไกลถึงเมืองใหญ่แห่งวัตถุ ยิ่งก้อนหินใหญ่ที่มีรากไม้ขึ้นยึด มันก็ยิ่งแน่นหนามั่นคง
อุปมาของเขาไม่เพียงเปรียบเปรยถึงชีวิตอันขัดแย้ง ทว่ายังบอกเล่าเรื่องราวการกัดกร่อนของภูเขาให้เรารู้ด้วย
ฝนเม็ดเล็กๆที่ตกลงมากระทบกระแทกก้อนหินนับล้านๆครั้งในล้านๆ ปี ได้สร้างหลุมรอยและป่นก้อนหินนั้นจนละเอียด แล้วสายน้ำที่เกิดจากฝนก็จะพัดพาเอาหินส่วนที่สึกกร่อนง่ายให้ไหลไปตามน้ำก่อน ลมก็ช่วยทำหน้าที่เดียวกันนี้ ยิ่งในทะเลทราย ลมจะพัดเม็ดทรายสาดเป็นกระสุนใส่หินก้อนใหญ่ ถ้าหินก้อนนั้นไม่แข็งแกร่งพอ มันก็จะค่อยๆแหลกละเอียดและล้มครืนลงในที่สุด
สิ่งที่เหลืออยู่ได้ มีเพียงเนื้อหินแข็งที่อยู่ภายในเท่านั้น
สำหรับภูเขาแก่ชรา พวกมันอาจเล็กลงกลายเป็นเพียงภูเขาขนาดปานกลาง หรือกระทั่งเป็นเพียงเนิน ทว่าความภาคภูมิของพวกมันก็คือความแข็งแกร่ง สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือการยืนระยะผ่านพ้นกาลเวลามาได้
ภูเขาเก่าแก่มักเผยร่องรอยบาดเจ็บจากการกัดกร่อนให้เราเห็นถึงชั้นหินภายใน เปิดเผยถึงอายุ พวกมันมักไม่มียอดหรือสันเขาที่แหลมคม ไม่ทะเยอทะยานที่จะสูงขึ้นอีกต่อไป เหลือแต่ร่องรอยเก่าแก่ของการสึกกร่อนพังทลายเป็นแนวยาว
เป็นเทือกเขาเหล่านี้เอง ที่ยอมตนให้ตะกอนดินไหลลงมาตามน้ำปีแล้วปีเล่าเพื่อหล่อเลี้ยงที่ราบและเชื่อมโยงที่ราบเข้ากับภูเขาสูง
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกมันดำรงอยู่เพื่อดำรงอยู่ ไม่ได้ดำรงอยู่เพื่อเป้าหมายใดในอนาคตอีก เว้นแต่ว่า มนุษย์จะวาง ‘เป้าหมาย’ ให้พวกมัน