หลายคนรู้สึกว่า การด่าของฝรั่งนั้นไม่ ‘มัน’ เหมือนกับการด่าของคนไทย
เพราะด่าแบบไทยๆ นี่มันพะยะค่ะ ถึงรสถึงชาติถึงอกถึงใจ มีโยนิโสมนสิการหรือการพิจารณาในการด่าอย่างแยบคายเหนือชั้นกว่าการด่าของฝรั่งเยอะ
แต่มีปัจจัยอะไรเล่า – ที่ทำให้การด่าแบบไทยๆ นั้นถึงอกถึงใจยิ่งกว่าการด่าแบบฝรั่ง
แน่นอน การที่เราเติบโตมากับ ‘วัฒนธรรมการด่า’ แบบนี้ (ที่ต้องบอกว่าเป็น ‘มรดกชาติ’ หรือ ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ อันควรรักษาไว้อย่างหนึ่งเลยทีเดียว) ก็น่าจะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่มีเรื่องอื่นๆอีกไหมเล่าที่อธิบายออกมาเป็นรูปธรรมให้เห็นได้ว่า ทำไมการด่าแบบไทยถึงทุรนร่านทุรายได้มากกว่าการด่าแบบฝรั่ง
โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นคนไทยที่ด่าคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ!
นักสังคมวิทยาท่านหนึ่งเคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า – การด่าของคนไทยกับของฝรั่งนั้นไม่เหมือนกัน ข้อสังเกตที่ว่าก็คือ เวลาฝรั่งด่ากันนั้น ฝรั่งจะด่ากันด้วยเรื่องเพศ เช่น Fuck You นี่ถือว่าเจ็บแสบแล้ว แต่ถ้าเป็นคำด่าของไทย เราจะไม่ด่าว่า ‘เย็-คุณ’ เฉยๆ มันไม่เจ็บแสบพอ แต่เราจะด่าอย่างเหนือชั้นกว่าด้วยคำว่า ‘เย็-แม่’ ซึ่งไม่ใช่การมีอะไรกับตัวคุณเฉยๆ ทว่าเป็นการไปมีอะไรกับ ‘แม่’ ของคุณ ซึ่งเป็นวิธีด่าที่แสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้เล่นล้อกับเรื่องทางเพศมากเท่ากับเรื่องความสูงต่ำของสถานภาพทางสังคม
มาคิดดูก็จริงนะครับ เพราะคำด่าในสังคมไทยนั้น เรามักจะด่ากันด้วยคำที่ ‘เหยียด’ อีกฝ่ายให้ ‘ต่ำ’ กว่าทั้งนั้น อย่างในกรณีนี้ การมีอะไรกับแม่ของฝ่ายตรงข้าม (ซึ่งถือว่าเป็น ‘ของสูง’) ก็คือการดึงแม่ของอีกฝ่ายลงมาให้ต่ำ คือเป็นผู้ถูกกระทำ
คำด่าทั้งหลายของเรา ถ้าจะให้เจ็บแสบ ก็ต้องด่ากันประมาณว่า ไพร่ สถุล สกุลต่ำ ระยำหมา หน้าด้าน อะไรทำนองนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรา ‘ผูก’ ความเลวทรามหรือไร้ศีลธรรม (ระยำหมา หน้าด้าน) เข้ากับความ ‘ต่ำชั้น’ ทางสังคม
ต่อให้เป็นการด่าเรื่องทางเพศ วิธีด่าของเราก็ไม่เหมือนฝรั่งนะครับ เพราะเราไม่ได้ด่ากันด้วยเรื่องทางเพศโดยมี ‘สำนึก’ ว่าคนสองคนนั้น ‘เสมอ’ กัน แต่เรามัก ‘ด่า’ โดยมีเป้าหมายในการ ‘เหยียด’ อีกฝ่ายให้สิ้นสูญซึ่งความเป็นคน หรือถ้าทำขนาดนั้นไม่ได้ อย่างน้อยก็ลดระดับความเป็นคนของอีกฝ่ายลงไปตามลำดับขั้นของโครงสร้างสังคมก็ยังดี
ตอนเด็กๆ ผมเคยดูละครจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องหนึ่ง ผมจำได้ว่าเคยเห็นตัวละครที่เป็นเจ้าหญิงร้ายๆ องค์หนึ่งบริภาษด่าว่านางเอก นางเอกนั้นเป็นคนชั้นต่ำ ประมาณว่าเป็นจัณฑาลหรืออะไรสักอย่าง เจ้าหญิงเกลียดชังนางเอกมาก เพราะเจ้าชายมาหลงรักนางเอก (ตามพล็อตเรื่องแบบจักรๆวงศ์ๆที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะล้อเลียนคนชั้นสูงไปในตัว) เจ้าหญิงเลยมีบัญชาให้ทหารจับนางเอกมาสักคำว่า ‘นางแพศยา’ เอาไว้ที่หน้าผาก แล้วเนรเทศออกไปจากเมือง ทำให้นางเอกได้รับความอับอายไปชั่วชีวิต
ดูเผินๆ เหมือนกับว่า เจ้าหญิงบริภาษนางเอกด้วยประเด็นเรื่องเพศ แต่ในเวลาเดียวกันก็เห็นได้ชัดเจนเลยนะครับ ว่าการด่าและการลงโทษนั้น เจ้าหญิงหยิบประเด็นเรื่องความสูงต่ำของลำดับชั้นทางสังคม ความเป็นมนุษย์ ศีลธรรม และสถานภาพ เอามาผสมรวมกัน มันจึงเป็นการลงโทษที่เจ็บแสบมาก
เพราะนอกจากจะเป็นคนชั้นต่ำโดยกำพืดแล้ว รอยสักยังเป็นหลักฐานบอกให้คนอื่นๆรู้ว่านางเอกยังเป็นคนร่านราคะ มากเรื่องคาวใคร่ทางเพศด้วย การกระทำของเจ้าหญิงจึงถือเป็นการลงโทษในระดับอัจฉริยะในบริบทสังคมแบบนั้น
ถ้าเทียบกับฝรั่ง เพราะต่อให้ด่ากันด้วยเรื่องถูกแย่งผัวแย่งเมียแย่งแฟน ต่อให้ด่ากันด้วยเรื่อง ‘พฤติกรรม’ หรือแม้กระทั่งเป็นประเด็นทาง ‘ศีลธรรม’ (ไม่ว่าจะเป็นชุดศีลธรรมแบบคริสต์หรือชุดศีลธรรมของคนเมืองสมัยใหม่ว่าด้วย Monogamy ก็แล้วแต่) ก็จะไม่มีความรู้สึกในการเหยียดอีกฝ่ายให้ ‘ต่ำ’ ลงไปในความเป็นคน เหมือนเวลาคนไทยเจอเรื่องแบบเดียวกัน
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถึงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายต่ำช้าทางศีลธรรม แต่ก็เป็นคนละเรื่องกับสถานภาพในสังคมหรือความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์
ถ้าพูดแบบศีลธรรมคริสต์ก็คือ ต่อให้อีกฝ่ายเลวแค่ไหน ชุดศีลธรรมแบบคริสต์ก็สอนไว้ว่าต้องให้พระเจ้าเป็นผู้พิพากษา ไม่ใช่ตัวเราจะไปพิพากษาใครได้ ดังนั้น ถ้าพูดอีกอย่าง (ของอีกอย่าง) ก็คือ แม้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็น ‘คน’ ที่ ‘เลว’ (คือปฏิบัติกับเราไม่ดี) แต่โดยทั่วไปแล้ว ความเป็น ‘คน’ (หรือเป็น ‘สิ่งสร้าง’ ของพระเจ้า) ก็ยังคงอยู่ และเมื่อความเป็นคนยังคงอยู่ คนคนนั้นก็ย่อมมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนที่ทัดเทียมเสมอภาคกับเราด้วย
แต่ถ้าเป็นการด่าแบบไทยๆ เรามักจะเหยียดความเป็น ‘คน’ ของอีกฝ่าย มากกว่าแค่ด่าว่าอีกฝ่ายทำผิดอะไร และถ้าทำได้ ก็จะ ‘เหยียด’ อีกฝ่ายจนไม่เหลือความเป็นคนไปเลย
ตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้การด่าแบบไทยๆนั้น ‘มัน’ ไปจนถึงแก่นถึงกึ๋น ด่าแล้วขนลุกขนชันสาแก่ใจ