ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นเอง: เด็กๆ มักอยากมีชีวิตเหมือนผู้ใหญ่

หลายครั้งทีเดียวที่เด็กหลายคนเคยพูดว่าอยากมีชีวิตเหมือนผู้ใหญ่ เพราะพวกเขาคิดว่าผู้ใหญ่คือคนที่ชัดเจนในชีวิตแล้ว ไม่คลุมเครือ ดูคล้ายไม่เหลือความงุนงงสงสัยใดๆอีกแล้ว

แต่น่าแปลก, สำหรับตัวผมเอง ยิ่งมีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ความงุนงงสงสัยต่อสิ่งที่เรียกว่าชีวิตก็ย่ิงมากขึ้น

ในวัยเด็ก เราชัดเจนกับฤดูร้อน กับซังแห้งๆในนาข้าวที่ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว กับการวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งกว้าง กับการลุยไปในลำธารสายเล็กๆข้างบ้าน และปุยนุ่นที่คว้างลอยอยู่ในอากาศทุกหนแห่ง ใช่-เราไม่รู้หรอกว่าชีวิตคืออะไร แต่เราวางใจในชีวิต เราคิดว่ายังมีเวลาอีกนานยาวให้เราค้นหาความหมายของมัน

เราจึงไม่งุนงงสงสัย ทว่าใช้ชีวิตของเราไปบนหนทางแห่งการเลือก

จนกระทั่งเรากลายเป็นผู้ใหญ่

และเพิ่งค้นพบว่า-ความงุนงงสงสัยนั้นยังไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นเวลาต่างหาก-ที่เหลือน้อยลงทุกทีๆ

โดยนัยเหล่านี้ ผมจึงอดคิดไม่ได้ว่า เราไม่ควรให้คุณค่ากับผู้ใหญ่เหนือกว่าเด็ก ไม่ควรให้คุณค่ากับประสบการณ์และความช่ำชองเหนือกว่าความกระตือรือร้นสดใหม่ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ไม่มีอะไรเหนืออะไร มีแต่ชีวิตที่ดำรงอยู่เพื่อจะตายจากไปก็เท่านั้น

วิเวียน เมเยอร์ เคยพูดเอาไว้ในหนังสารคดี Finding Vivian Maier ด้วยถ้อยคำของคนที่มีชีวิตจประหลาดพิสดาร แต่กลับเป็นจริงอย่างยิ่งว่า

“I suppose nothing is meant to last forever. We have to make room for other people. It’s a wheel. You get on, you have to go to the end. And then somebody has the same opportunity to go to the end and so on.”

“ฉันคิดว่าไม่มีอะไรดำรงอยู่ไปชั่วกาลหรอก เราต้องสร้างที่ทางให้คนอื่นด้วย มันคือกงล้อ คุณมีชีวิต แล้วก็ต้องไปถึงจุดจบ จากนั้นใครบางคนก็จะได้รับโอกาสเดียวกัน ในอันที่จะดำเนินชีวิตไปจนถึงวาระสุดท้าย เป็นเช่นนี้เรื่อยไป”

ชีวิตก็เป็นไปเช่นนั้นเอง