เราอาจคิดว่า วาเลนไทน์คือวันแห่งความรักอันแสนบริสุทธิ์งดงาม แวดล้อมด้วยกุหลาบกับช็อกโกแลต
แต่ที่จริงแล้ว วาเลนไทน์คือ ‘วันฉลองการบั่นคอคนที่ถูกเผด็จการรังแก’ ต่างหาก
ดังนั้นจึงพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า หากเราอยากเฉลิมฉลองนักบุญวาเลนไทน์จริงๆ เราก็ควรลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการ – ซึ่งเป็นคนสั่งฆ่าวาเลนไทน์
ตำนานเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราว ค.ศ. 270 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เมื่อพระรูปหนึ่งในกรุงโรม ชื่อวาเลนไทน์ ถูกจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) สั่งประหารชีวิต
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
คลอดิอุสได้ชื่อว่า Claudius the Cruel หรือคลอดิอุสผู้โหดร้าย ภายใต้การปกครองของเผด็จการผู้นี้ กรุงโรมเกิดเหตุการณ์นองเลือดและการถูกสั่งฆ่ามากมาย จักรพรรดิผู้ทรงอำนาจมีกองทัพที่แข็งแกร่ง แต่ตามประสาเผด็จการทั้งหลาย เขาไม่เคยมั่นใจได้เลยว่าตัวเองจะปลอดภัย และดังนั้น สิ่งที่ต้องทำเสมอ ก็คือการ ‘กำจัด’ คนที่เขาเห็นว่าเป็นศัตรู และต้องพยายาม ‘สร้างกองทัพ’ ให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ ด้วยการไปเกณฑ์หนุ่มๆ ชาวโรมันมาเป็นทหาร
คลอดิอุสมีความเชื่อแปลกๆ อยู่อย่างหนึ่งว่า ที่พวกหนุ่มๆ ไม่ยอมมาเป็นทหารนั้น เป็นเพราะชายชาวโรมันมัวแต่หลงอยู่กับภรรยาและครอบครัว แทนที่จะคิดว่าเพราะความโหดร้ายของตัวเขาเอง ใครๆ จึงไม่อยากอยู่ใกล้เขา
เมื่อเป็นอย่างนี้ สิ่งที่คลอดิอุสทำจึงคือการ ‘สั่งห้าม’ การหมั้นหมายและการแต่งงานในกรุงโรม นั่นคือห้ามคนแต่งงาน
ชาวโรมันยุคนั้นจึงมีความเท่าเทียมในการสมรสทุกคน นั่นคือแต่งงานไม่ได้ เพราะถูกจักรพรรดิสั่งห้าม
การแต่งงานของคนในสมัยนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันคือการที่ ‘พระเจ้า’ ยอมรับคนสองคนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อจักรพรรดิสั่งห้ามพิธีแต่งงาน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพระไม่กล้าทำพิธี ดังนั้นต่อให้หนีตามกันไปอยู่ที่อื่น ก็ไม่ได้แต่งงานอย่างถูกต้องชอบธรรมตามความเชื่อทางศาสนาอยู่ดี
วาเลนไทน์เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรม เขาจึงขัดขืนคำสั่งของคลอดิอุส และจัดการแต่งงานให้กับคู่รักหนุ่มสาวทั้งหลายอย่างลับๆ เพื่อที่ว่าอย่างน้อยคนสองคนก็จะได้ผูกพันกันตามศาสนา แม้ฝ่ายชายจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารก็ยังดี
แต่ความลับไม่มีในโลก!
เมื่อคลอดิอุสรู้เรื่องนี้เข้า เขาก็สั่งว่า พระที่ทำพิธีนี้จะต้องตาย เขาสั่งให้ไปจับตัววาเลนไทน์มา แล้วลากเข้าสู่ห้องพิพากษา เขาประณามด่าว่าวาเลนไทน์ และให้คนเฆี่ยนวาเลนไทน์จนตายโดยใช้กระบอง จากนั้นก็สั่งให้ตัดหัวของวาเลนไทน์ออก
เชื่อกันว่า การประหารเกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ราวๆ ปี ค.ศ. 270
ตำนานยังเล่าด้วยว่า ตอนที่อยู่ในคุก วาเลนไทน์ทิ้งจดหมายลาตายไว้ให้ลูกสาวของผู้คุมที่เห็นอกเห็นใจเขา เขาเขียนลงท้ายจดหมายว่า From Your Valentine ซึ่งต่อมากลายเป็นสิ่งที่คนนำมาใช้แสดงถึงการเป็นคนรัก
แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นเพียง ‘ตำนาน’ ที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และถ้าไปสำรวจดูชื่อของนักบุญวาเลนไทน์ เราจะพบว่าในศาสนจักรคาทอลิกนั้น มีนักบุญชื่อนี้อยู่ด้วยกันสามคน ทั้งสามตายเพราะถูกประหารเหมือนกันหมด คนหนึ่งคือวาเลนไทน์ที่เราว่ามา อีกคนหนึ่งคือบิช็อปแห่งอินเทอรามนา (Interamna) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอิตาลี และอีกคนหนึ่งอยู่ที่แอฟริกา
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ยังเป็นวันที่อาจสับสนปนเปไปกับเทศกาลที่เรียกว่า Feast of Lupercalia ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความรักของชาวนอกรีตหรือ Pagan อีกด้วย ซึ่งในเทศกาลนี้ จะนำชื่อของหญิงสาวไปใส่ไว้ในกล่อง แล้วให้ผู้ชายจับฉลากเลือกขึ้นมาเป็นคู่
ด้วยเหตุนี้ ในปี 496 พระสันตะปาปาเกลาซิอุส (Gelasius) เลยตัดสินใจ ‘เกลื่อนกลืน’ เทศกาลของพวกนอกรีตเข้ากับศาสนาคริสต์เสียเลย ด้วยการประกาศให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองนักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งก็เกี่ยวพันกับความรักเหมือนกัน