ไปเที่ยวตลาดกันเถอะ!

คุณชอบไปตลาดไหมครับ?

เวลาเดินทาง สถานที่สำคัญที่ผมต้องดั้นด้นไปถึงให้ได้ – ก็คือตลาด

ตลาดในที่นี้ มีทั้งตลาดสด ตลาดพื้นเมือง ตลาดเกษตรกรอย่างที่เรียกกันว่า Farmers’ Market ไปจนถึงตลาดแบบซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ผู้คนในเมืองนั้นๆ เข้าไปจับจ่ายใช้สอยกันจริงๆ แม้จะไม่มีอะไรสวยงามหวือหวาเลยก็ตามที

ทุกหนแห่งทั่วโลก ตลาดคือ ‘ใจกลาง’ ของมาตรฐานการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองนั้น ดังนั้น การเดินตลาดจึงทำให้เราเห็นชัดเจน ว่าคนในเมืองนั้นๆ มีตัวตนอย่างไร การเดินตลาดจึงมอบประสบการณ์แบบท้องถิ่น (Locality) ให้เราโดยที่ใช้เวลาไม่มากนัก

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตลาดทำให้เราได้เห็น ‘ชีวิต’ ของสถานที่แห่งนั้น

ในเอเชีย ตลาดสำคัญๆ มักจะเกิดขึ้นในช่วงเช้า เช่นตลาดที่เมืองทากายามะในญี่ปุ่น ตลาดเช้าริมแม่น้ำของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและการซื้อขายข้าวของ ‘ทำมือ’ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผักดองจากในท้องถิ่น มิโสะ ผลไม้สดตามฤดูกาล หรือขนมของกิน (เช่น ดังโหงะ ฯลฯ) มากมาย จนกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไปเลย

ส่วนตลาดในโลกอาหรับหรือตะวันออกกลาง เช่นตลาดในอียิปต์ ดูไบ ตุรกี หรืออิหร่าน จะพบว่าตลาดของเขาที่เรียกว่า ‘บาซาร์’ (Bazaars) มักมีลักษณะแคบยาวเป็นแถบๆ (Strip) โดยมีร้านรวงต่างๆ อยู่สองข้างทาง ตลาดเหล่านี้มีจุดเด่นชัดเจนหลากหลาย เช่น เป็นตลาดเครื่องเทศที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอม หรือตลาดค้าอัญมณีและตลาดค้าทอง เป็นต้น

นอกจาก Bazaars แล้ว ตลาดในตะวันออกกลางยังมีอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า Souq หรือ Souk ด้วย ที่จริง Souk ก็เหมือนกับ Bazaar แต่อาจมีลักษณะเป็น ‘ย่าน’ (Quarter) มากกว่า Bazaar คือไม่ได้แคบยาวอย่างเดียว ทว่ามีขนาดใหญ่กินพื้นที่กว้างขวางกว่า 

ตลาดแบบแคบยาวไม่ได้มีเฉพาะในตะวันออกกลางเท่านั้น ในญี่ปุ่นอย่างโอซาก้า ตลาด Kuromon ซึ่งถือว่าเป็น ‘ครัว’ ของโอซาก้า มีร้านรวงมากมายกว่า 180 ร้าน พร้อมกับประวัติศาสตร์ของตลาดที่เก่าแก่นับย้อนไปได้มากกว่า 100 ปี ด้วย

ตลาดอีกแบบหนึ่งที่หลายคนในไทยปัจจุบันอาจไม่คุ้นเคยไปเสียแล้ว ก็คือตลาดแบบ ‘เปิดท้ายขายของ’ ที่เคยฮิตมากๆ ช่วงหลังยุคเศรษฐกิจตกต่ำเพราะพิษต้มยำกุ้ง ตลาดแบบนี้ฝรั่งเรียกว่า Car Boot Sale คือแต่ละคนจะเอาของใส่ท้ายรถแล้วขับมารวมตัวกันเปิดเป็นตลาดขึ้นมา

ตัวอย่างของ Car Boot Sale ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก คือตลาดชื่อ Greenside Omni ในเมืองเอดินเบอระห์ของสก็อตแลนด์ ตลาดนี้เปิดขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น คุณอาจได้ถาดเงินสวยๆ เก่าแก่ ในราคาแค่หนึ่งปอนด์ รวมไปถึงของเก่าที่หาไม่ได้ในตลาดทั่วไปด้วย 

ตลาดอีกแบบหนึ่งที่ให้ ‘ประสบการณ์’ ในการไป ก็คือตลาดแบบที่ฝรั่งเรียกว่า Wet Market ซึ่งก็คือ ‘กาดงัวกาดควาย’ แบบในภาคเหนือหรือภาคอีสานของไทย ตลาดแบบนี้คือตลาดซื้อขายปศุสัตว์ ที่จริงๆ ก็แพร่หลายในเอเชียและจีนมานานแล้ว รวมถึงในอินโดนีเซียและมาเลเซียด้วย การไปตลาดแบบนี้จะทำให้คุณได้เห็น ‘ชีวิต’ จริงๆ ของคน ตั้งแต่การกวาดต้อนฝูงปศุสัตว์มาตลาด การซื้อขาย การขนส่ง การล้มวัวควาย รวมถึงอาหารที่ทำกันสดๆ จากสัตว์เหล่านี้

ทุกวันนี้ แนวโน้มในการ ‘เที่ยวตลาด’ พุ่งสูงขึ้น เพราะผู้คนไม่ได้เดินทางเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น ทว่ายังเดินทางเพื่อนำตัวเองไปอยู่กับ ‘ประสบการณ์’ ณ ที่นั้นๆ ด้วย

และตลาด – น่าจะคือสถานที่แบบเดียว ที่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ตรงของ ‘ความเป็น’ สถานที่แห่งนั้น