คุณมีหนังสือที่ซื้อมากองทิ้งไว้กี่เล่ม?

คุณมีหนังสือที่ซื้อมาแล้วค้างคายังไม่ได้อ่านอยู่กี่เล่มครับ

ผมไม่รู้ว่าคุณมีหนังสือกองอยู่กี่เล่ม แต่เท่าที่ผมประมาณดูจากกองหนังสือในบ้านของตัวเอง เข้าใจว่าน่าจะมีอยู่ในระดับหลายร้อยเล่ม

อ้าว! ไหนว่าผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือไม่ใช่หรือ ทำไมถึงปล่อยให้มีหนังสือที่ไม่ได้อ่านวางค้างอยู่ตั้งมากมายถึงเพียงนั้นเล่า

ขอสารภาพว่า เวลาหยิบหนังสือขึ้นมาสักเล่ม ความกลัวอย่างหนึ่งมักจะผุดพรายขึ้นมา ความกลัวที่ว่าก็คือกลัวอ่านไม่จบ

ปกติแล้ว ผมไม่ได้อ่านหนังสือก่อนนอน เพราะผมเป็นคนหลับง่ายมาก ดังนั้นอ่านไปได้แค่หน้าสองหน้า (หรือบางทีแค่สองย่อหน้า) ก็หลับแล้ว ทำให้ทุกอย่างที่อ่านมาสูญสลายไปกับสายลม กลายเป็นความฝันล่องลอยจับต้องไม่ได้ จดจำไม่ได้ หรือไม่อีกที ถ้าหนังสือบางเล่มปลุกเร้าให้อ่านมากพอ ผมก็จะต้องอ่านมันจนจบ ทำให้บางครั้งคืนนั้นไม่ได้นอนเลยทั้งคืนก็มี ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีต่อร่างกาย ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยอ่านหนังสือก่อนนอน

ผมจะใช้เวลาอ่านหนังสือในตอนเช้ามากกว่า อย่างหนึ่งเพราะการอ่านหนังสือในตอนเช้าช่วยให้สมองตื่นเพราะถูกปลุกเร้าด้วยความคิดและความรู้ใหม่ๆ ที่ได้รับจากหนังสือ

ไม่ว่าหนังสือจะดีหรือทราม งามหรือเลวอย่างไร (ในความเห็นและรสนิยมของผม) ผมก็อยากอ่านให้จบเล่มเสมอ การอ่านจบเล่มของผมหมายถึงอ่านจนจบในตอนนั้นเลย

สมัยก่อนทำอย่างนั้นได้ เพราะมีเวลาในชีวิตมากมาย ตื่นเช้าขึ้นมาจึงสามารถนั่งเอกเขนกอ่านหนังสือไปได้จนจบเล่ม โชคดีอีกอย่างหนึ่งที่ผมเป็นคนอ่านหนังสือเร็ว ยิ่งถ้าเป็นหนังสือภาษาไทย บางทีอ่านครึ่งชั่วโมงก็จบแล้ว เล่มหนาๆ อ่านไม่เกินสองชั่วโมงจบ

แต่ในระยะหลังๆ เวลาของชีวิตมีน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อหยิบหนังสือขึ้นมา จึงมักกลัวจะอ่านไม่จบแล้วต้องทิ้งหนังสือเล่มนั้นค้างคา เมื่อกลับมาอ่านใหม่ในวันรุ่งขึ้นก็ต่อไม่ติดเหมือนเดิมเพราะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ดึงความสนใจไปจากหนังสือ ข้อความในหนังสือไม่ได้เวียนวนอยู่ในหัวเหมือนสมัยเด็กๆ ทำให้ผมเลือก ‘จม’ อยู่กับการอ่านหนังสือน้อยลงมาก

บ่อยครั้งทีเดียวในระยะหลังที่ผมทำแค่พลิกดู เป็นการพลิกหนังสือแบบรีบๆ เร็วๆ ด้วย เพราะไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรในนั้นมากนัก กลัวจะเป็นการ ‘สปอยล์’ ตัวเองไปก่อน แต่กระนั้นก็อยากรู้ว่าหนังสือเล่มนั้น ‘มีดี’ มากพอที่จะทำให้เราจมจ่อมอ่านมันได้หรือไม่ จึงต้องใช้วิธีนั้น

ผลลัพธ์ก็คือ หลายเล่มที่คิดว่าอยากอ่านมากๆ กลับกลายเป็นถูกวางทิ้งค้างเอาไว้ เพราะกลัวอ่านไม่จบในรวดเดียว ได้แต่อ่านเล่มเล็กๆ ที่บางครั้งไม่ได้อยากอ่านสักเท่าไหร่

แล้วหนังสือใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ถะถั่งหลั่งไหลกันเข้ามา หนังสือที่อยากอ่านและคิดว่าจะอ่าน จึงมักถูกวางกองเอาไว้อย่างนั้น รอคอยการอ่านในวันที่ ‘ว่าง’ จริงๆ ซึ่งก็มีน้อยเหลือเกิน

เช้าวันนี้ เมื่อนั่งมองกองหนังสือของตัวเอง ผมน้ำตารื้น สงสารหนังสือที่ยังไม่ได้ ‘ถูกอ่าน’ ผมจึงบอกกับตัวเองว่า คงต้องปรับเปลี่ยนนิสัยของตัวเองเสียแล้ว

หนังสือก็เหมือนความสัมพันธ์กับผู้คน เราไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้ ‘จบ’ ก็ได้ เพราะเพียงพลิกหน้าหนังสือไม่กี่หน้า บางครั้งเราอาจ ‘ได้’ อะไรมากมายอย่างที่คาดไม่ถึง เพราะฉะนั้น จงสนทนาเถิด จงหยิบหนังสือขึ้นมาเถิด เปิดพลิกไม่กี่หน้าก็ยังดี สนทนาเพียงไม่กี่คำก็ยังดี

เพราะอ่านหนังสือไม่จบ ก็ยังดีกว่าไม่ได้อ่านเลย,

เพราะได้รู้จัก แม้ไม่ได้สนิทสนมด้วยขนาดนั้น ก็ยังดีกว่าไม่ได้รู้จักกันเลย

ไม่ใช่หรือ