ถึงปีใหม่จะเป็นเรื่องสมมุติเหมือนเรื่องอื่นๆ ทั้งปวงในชีวิตมนุษย์ แต่การได้ตั้งหมุดหมายสมมุติขึ้นเพื่อ ‘หยุด’ และครุ่นคิดพิจารณาถึงช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่ได้ผ่านพ้นเราไปแล้วตลอดกาล – บางทีก็อาจเป็นเรื่องดี
ไม่บ่อยหนนักหรอก ที่เราจะได้นั่งเฉยๆ ปล่อยให้หัวใจลอยไปในอวกาศเคว้งคว้าง ไม่มีสิ่งใดดึงดูดให้ต้องจดจ่อจ่อมจม
เป็นสภาวะแบบนั้น ที่อาจทำให้เราได้กลายกลืนและสลายไป จนกลายเป็นอณูเล็กๆ ที่พรายพร่างไปในสรรพสิ่ง และมองเห็นว่าเราเคยทำหรือไม่เคยทำสิ่งใดที่ทำร้ายหัวใจดวงนั้น.เรามักไม่ได้ทำร้ายหัวใจของผู้อื่นมากเท่าทำร้ายหัวใจของตัวเองหรอก
หรือพูดให้ถูกกว่านั้น – การทำร้ายหัวใจของผู้อื่น โดยเนื้อแท้ก็คือการบั่นเฉือนหัวใจของตัวเองให้เล็กและหดแคบลง จนเหลือพื้นที่สำหรับโอบกอดผู้อื่นที่แตกต่างได้น้อยลงเรื่อยๆ
หัวใจที่หดแคบ มักไม่รับรู้ถึงความหดแคบนั้น และอาจเผลอคิดด้วยซ้ำ ว่าพื้นที่หดแคบนั้นคือจักรวาลไพศาล
ในความวุ่นวาย การเอาตัวให้รอด และตารางเวลา เราไม่มีแม้สักนาทีที่จะนั่งมองผนังห้องของหัวใจ ว่ามันใหญ่หรือเล็ก และกำลังหดแคบหรือขยายกว้าง
มีแต่ชั่วขณะที่ไม่มีสิ่งใดให้ทำ และไม่มีที่แห่งใดให้ไปเท่านั้น – ที่จะพาเรากลับสู่ ‘บ้าน’ ที่แท้จริงที่อยู่ข้างใน
โชคดีเหลือเกิน – ที่ในท่ามกลางการสมมุติมากมายของมนุษย์ที่ส่วนใหญ่ใช้ความสมมุตินั้นเพื่อทิ่มแทงทำร้ายกัน, ยังคงมีการสมมุติอีกเรื่องหนึ่งดำรงอยู่
มันคือสมมุติที่จะหยุด สมมุติที่จะพิจารณาใคร่ครวญ สมมุติที่จะตั้งหลักใหม่อีกครั้งร่วมกัน
เป็นสมมุติภาวะที่เรียกว่าช่วงเวลาแห่งปีใหม่ ที่เพียงคำว่า ‘ใหม่’ ก็ทำให้เราใจชื้นขึ้น อุ่นใจขึ้น ว่าอย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องกลั้วเกลือกอยู่กับความเก่าชราอันเหนอะหนะนั้นไปชั่วนิรันดร์
แม้ความใหม่จะเป็นเรื่องสมมุติเช่นเดียวกับความเก่าชราก็ตามที
เราไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะพาอะไรมาให้เรา ความรัก ความตาย หายนะ หรือความงาม
แต่เราสมมุติกับตัวเองในวันนี้ได้ – ว่าเรามีสิทธิที่จะมีความหวังอยู่เสมอ
เพียงยิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อย โลกของเราก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับ