เราทุกคนต่างมีแรงขับเคลื่อนหรือ Passion ในชีวิต

แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ – ว่าแรงขับเคลื่อนของตัวเองคืออะไร

บ่อยครั้งที่การเติบโตทำให้เราหลงลืมไปว่า เราเคยมีแรงขับเคลื่อนเร่าร้อนในเรื่องไหนมาบ้าง และแรงขับเคลื่อนเหล่านั้นเคยผลักดันให้เราลุกขึ้นทำเรื่องต่างๆ อย่างไร

ดังนั้น การทบทวนแรงขับเคลื่อนในตัวเป็นระยะๆ ในชีวิต จะช่วยให้เราหวนกลับมามีไฟแห่งการทำงานและการมีชีวิตอยู่ได้เรื่อยๆ

ที่จริงแล้ว ในการมีชีวิตอยู่ เรามีแรงขับเคลื่อนใหญ่ๆ สามแบบ นั่นก็คือแรงขับเคลื่อนเพื่อที่จะ ‘อยู่’ ต่อไปให้ได้ ซึ่งถ้าพูดให้ง่ายที่สุด นี่คือแรงขับเคลื่อนพื้นฐานที่จะทำให้เราได้รับปัจจัยที่จำเป็นในการมีชีวิตอยู่ ซึ่งในสมัยก่อนอาจคือปัจจัยสี่ แต่ในโลกปัจจุบัน เราอาจต้องยอมรับว่าการทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเองให้ได้ คือเรื่องพื้นฐานแรกสุด 

แรงขับเคลื่อนที่สองก็คือแรงขับเคลื่อนที่จะเป็นที่รักของคนอื่น ไม่ใช่เพียงคนรักหรือคู่ชีวิตของเราเท่านั้น แต่คือความรักจากชุมชนและคนในสังคมด้วย แรงขับเคลื่อนที่สองจึงคือการแสวงหาชื่อเสียง ด้วยการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น

สุดท้าย คือแรงขับเคลื่อนจากภายใน เป็นแรงขับเคลื่อนที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทั้งตัวเอง คนรอบข้าง และรวมไปถึงโลกและสรรพสิ่งในโลกนี้ด้วย

บางคนเลือกให้ความสำคัญกับแรงขับเคลื่อนบางอย่างมากกว่าบางอย่าง เช่น สนใจในการอยู่รอดและทำเงินมากกว่าชื่อเสียงและการทำประโยชน์จนถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่บางคนก็สนใจในการทำประโยชน์ให้กับผู้เสียแต่ไม่สนใจการหาเงินเพื่ออยู่รอดเสียจนกระทั่งตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด

ดังนั้น เรื่องสำคัญของแรงขับเคลื่อนเหล่านี้ก็คือ เราต้องมองทะลุให้เห็นให้ได้ – ว่าเรามีแรงขับเคลื่อนชนิดไหนผลักดันชีวิต และพยายามสร้าง ‘สมดุล’ ของแรงขับเคลื่อนทั้งสามอย่างให้พอดีกัน

ว่าแต่ว่า เราจะมีวิธีมองให้เห็นถึงแรงขับเคลื่อนเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง

นักจิตวิทยาอย่าง ดร.ซูซาน เบียลี (Susan Biali) เจ้าของหนังสือ Live a Life You Love: 7 Steps to a Healthier, Happier, More Passionate Youบอกว่าเราอาจเริ่มต้นพิจารณาแรงขับเคลื่อนหรือ Passion ของเราได้ห้าวิธี นั่นคือ

1. ย้อนกลับไปดูว่า ใน ‘คลัง’ แห่งความสามารถของเรานั้น มันมีอะไรอยู่บ้าง: นี่คือเรื่องสำคัญมาก เพราะคือการสำรวจ ‘ต้นทุน’ ของเรา เพื่อดูว่าเรามีหรือขาดอะไร เช่น เรามีความสามารถในเรื่องศิลปะ, การเงิน, การพูด ฯลฯ อะไรบ้าง ความสามารถเหล่านี้มีที่มาจาก ‘ความรัก’ ที่เรามีต่อกิจกรรมนั้นๆ ดังนั้น คลังความสามารถจึงเป็นเชื้อเพลิงที่ดีที่จะทำให้เราตอบตัวเองได้ว่า เราควรอยู่กับ Passion แบบไหนในชีวิต

2. ให้ความสำคัญกับคนที่เราอิจฉาหรือรำคาญ: เราต่างมีคนสองแบบนี้ในชีวิต เรารำคาญคนอื่นก็เพราะเราไม่อยากเป็นคนแบบนั้น แต่กลับกัน เรามักอยากเป็นอย่างคนที่เรานึกอิจฉา การพิจารณาความรำคาญและอิจฉาของเรา จะทำให้เราตอบตัวเองได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากและไม่อยากเป็น ซึ่งนั่นก็คือกุญแจสู่แรงขับเคลื่อนที่เหมาะสมกับตัวเรา

3. นึกย้อนกลับไปว่า ตอนเด็กๆ เราชอบทำอะไรบ้าง: เมื่อโตขึ้น คนเรามักหลงลืมความฝันเล็กๆ น้อยๆ ในวัยเด็ก แต่เป็นเรื่องเหล่านั้นนั่นเอง ที่เคยผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า คุณเคยชอบการวาดรูปหรือเปล่า นั่งฟังเพลงได้ทั้งคืนไหม ถ้าเคยทำอะไรเหล่านี้ ลองย้อนกลับไปนึกดู แล้วอาจเริ่มทำสิ่งเหล่านั้นใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะในฐานะงานอดิเรกหรืองานที่จริงจัง สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนเรา

4. ให้ลองสังเกตดูว่า ตัวเราลืมเวลาไปเลยเวลาทำอะไร: บางคนอาจชอบนั่งถักโครเชต์ บางคนชอบอ่านหนังสือ บางคนรักการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ บางคนลืมเวลาไปเลยตอนนั่งเขียนไดอารี่ สิ่งเหล่านี้อาจคือ True Passion ของเรา ที่เราละเลยเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่จริงจัง เป็นได้แค่งานอดิเรก แต่การพิจารณาสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้ว่า ชั่วชีวิตหนึ่งนี้ เราอาจใช้เวลาไปกับอะไรมากที่สุด

5. อย่าเครียด: การตามหาแรงขับเคลื่อนหรือ Passion ในตัวนั้น ไม่ใช่งานที่จำเป็นต้องทำให้ลุล่วงสมบูรณ์แบบ เราอาจเลือกทำบางอย่าง ไม่เลือกทำบางอย่างก็ได้ โดยต้องพิจารณา ‘สมดุล’ ของแรงขับเคลื่อนสามแบบที่ว่าไว้ข้างต้น การทุ่มเทกับบางเรื่องหนักข้อเกินไป อาจทำให้สมดุลดังกล่าวเสียไปก็ได้ 

เราทุกคนต่างมีแรงขับเคลื่อนหรือ Passion ในชีวิต แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ – ว่าแรงขับเคลื่อนของตัวเองคืออะไร

ลองสำรวจตัวเอง และลองใช้ชีวิตตามแรงขับเคลื่อนของเราอย่างมีสมดุลดูบ้าง

เพราะนี่คือกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้ชีิวิตของเราทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าความหมายในทุกเมื่อเชื่อวันของชีวิต