สารภาพว่า หลังดู Kusama Infinity ภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับชีวิตของคุณป้า ยาโยอิ คุซามะ จบแล้ว ต้องสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง
ไม่ใช่เพราะหนังไม่ดี หนังดีเหลือเกิน วิธีการนำเสนอนั้นเป็นแบบสารคดีที่แสนจะธรรมดา ตัดคำพูดของผู้คนมาทำหน้าที่บรรยายสลับกับสัมภาษณ์ และส่วนใหญ่เป็นภาพถ่ายด้วยซ้ำ ผู้กำกับเหมือนพยายามไม่แย่งซีน ไม่แย่งความเด่นในการนำเสนอจากตัวคุณป้า และนั่นทำให้สารคดีเรื่องนี้ทรงพลังมากๆ
แต่หลังจากดูจบแล้ว รู้สึกโกรธอะไรหลายอย่างในโลก
โดยส่วนตัว คิดว่าคุณป้าคุซามะที่เราเห็นตอนนี้ ไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมคนนั้น คนที่กราดเกรี้ยว เป็นขบถ และอยากบดขยี้โลกไว้ใต้เท้าของเธอ
โดยส่วนตัว (ย้ำ) คิดว่าโลกปัจจุบันชื่นชอบคุณป้าลายจุดคนนี้เพราะความน่ารักของงานของเธอ คนจำนวนมากเห็นแต่สีสันและความน่ารัก รวมทั้งเห็นว่าเธอคือหญิงชราที่ ‘ไม่มีพิษสง’ อะไรอีกต่อไป เพราะเธอถูก transform ให้กลายมาเป็นหญิงชราคนหนึ่ง ที่ไม่เหลือความสามารถที่จะ ‘ขบถ’ และ ‘เปลี่ยนโลก’ อีกแล้ว สิ่งที่เธอทำ ก็คืองานศิลปะที่แม้จะยังคงสวยและมีคุณค่า มีพลัง แต่ก็ไม่ใช่ ‘กิจกรรม’ ของการลุกขึ้นมาบอกโลก – ว่าโลกนี้, มึงมีอะไรบางอย่างผิดพลาด และมึงต้องเปลี่ยนแปลง – อีกต่อไปแล้ว
เด็กสาวคนนั้นถูกบดขยี้จากทุกวิถีทาง ทั้งทางกายและทางจิต โดยเฉพาะถูกบดขยี้จากสองสังคมที่ใหญ่โตมโหฬารเหมือนรถบดถนน คือจากสังคมอเมริกันและสังคมญี่ปุ่น อันเป็นสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่และสังคมที่ยึดถือขนบประเพณีเก่าแก่ จนไม่อาจรับฟัง message ใหม่ๆ ที่ชวนให้ตระหนก ชวนให้ฉุกใจคิด ชวนให้ตกใจ ชวนให้ขนลุก ชวนให้ขยะแขยง ชวนให้ตบอก ชวนให้เปลี่ยนแปลงโลก – ได้
เด็กสาวยาโยอิ คุซามะ ผู้เคยประท้วงต่อต้านสงคราม ด้วยการชวนคนมาเดินขบวนแก้ผ้าจนเห็นทั้งจู๋และจิ๋ม (ทั้งของตัวเองและผู้อื่น) เพื่อแสดงให้เห็นว่า เรือนร่างของผู้คนนั้นงดงามจนไม่ควรสูญเสียไปในสงคราม – ได้ถูกโลกบดขยี้ ด้วยการบอกเธอว่า นี่คือการกระทำที่นำมาซึ่งความเสื่อมและวุ่นวาย กระทั่งท้ายที่สุด โลกที่ไม่ยอมรับเธอก็ผลักเธอสู่อาการซึมเศร้า เธอเลือกที่จะตาย แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย ที่เธอไม่ได้ตาย
ทุกวันนี้ เด็กสาวคนนั้นกลายเป็นหญิงชราวัย 89 ปี ผู้พำนักอยู่ในโรงพยาบาลที่คอยดูแลทางจิตให้เธอ เธอมาทำงานในสตูดิโอใกล้ๆ โรงพยาบาล แม้งานของเธอจะทรงพลังและเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก แต่ไม่มีใครมองว่าเธอเป็นเหมือน ‘ระเบิด’ เต็มไปด้วยพิษสงเหมือนสมัยสาวๆ อีกต่อไปแล้ว โลกรักเธอก็เพราะงานของเธอ ‘น่ารัก’ เต็มไปด้วยสีสัน ลายจุด และความไม่มีที่สิ้นสุดของตาข่าย
โลกไม่ได้ผิดที่ชอบสีสันและความน่ารักของฟักทองสีเหลืองประจุดดำ โลกไม่ได้ผิดที่ชอบห้องกระจกของคุณป้าลายจุด โลกไม่ได้ผิดที่ทำให้งานราคา 75 เหรียญ กลายมาเป็นงานราคานับล้านๆ เหรียญ
แต่คำถามก็คือ โลกรักเด็กสาวคนนั้น – คนที่คุณป้าเคยเป็นด้วยหรือเปล่า คำถามก็คือ – ถ้าวันนี้ คุณป้าลุกขึ้นมาแก้ผ้าอีกครั้ง และชวนผู้คนทั้งหนุ่มสาวและแก่ชรามารวมตัวกันแก้ผ้าประท้วงความเลวทรามต่ำช้าต่างๆ ของโลกนี้ (ที่จริงๆ แล้วซับซ้อนหลากมิติมากกว่าสมัยคุณป้าสาวๆ เสียอีก) โลกจะยอมรับคุณป้าได้ไหม หรือเรายอมรับเฉพาะความเป็น ‘คุณป้าลายจุด’ ที่แสนน่ารักเท่านั้น
แน่นอน คุณป้าย่อมไม่เหมือนเดิม คุณป้าย่อมเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเรือของเธเซอุส คนวัย 89 ปี ย่อมไม่เหมือนและไม่ใช่คนวัยยี่สิบสามสิบปีที่กร้าวแกร่ง และผมก็ไม่ได้เรียกร้องให้คุณป้าต้องกลับไปเป็นแบบนั้น รวมทั้งไม่ได้บอกว่าใครไม่ควรจะชอบงานของคุณป้าด้วย เพราะผมก็หลงรักงานของคุณป้า แต่คำถามก็คือ – มันยุติธรรมกับการต่อสู้ชั่วชีวิตของคุณป้าไหม หากเราจะ ‘เลือก’ รักเฉพาะช่วงชีวิตที่น่ารักคุณป้า
แน่นอนว่า เราไม่จำเป็นต้องรักทุกมิติของคุณป้า (หรือของใคร) หรอก แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องตระหนักให้ได้ – ก็คือคุณป้าไม่ได้แบนราบมิติเดียว (คือเป็นคุณป้าลายจุดที่น่ารัก) ทว่าคุณป้าคือระเบิดปรมาณู คุณป้าคือจอห์น เลนอน คุณป้ามีวิธีคิดแบบเดียวกับนักรบซาปาติสต้า คืออยากปลดปล่อยผู้คนด้วยอาวุธ เพียงแต่อาวุธของคุณป้าคือศิลปะและวิธีคิด คุณป้าเป็นศิลปินที่ผ่านการต่อสู้มาหลากหลายด้านมาก แต่ที่สุด การต่อสู้เหล่านั้น ก็ได้ ‘บดขยี้’ คุณป้า จนกระทั่งต้องยอม transform จนกลายมาเป็นคุณป้าอย่างที่เรารัก
คำถามก็คือ แล้วเราจะรักคนหนุ่มสาวที่เป็นขบถ คนหนุ่มสาวที่ชวนคุณลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม คนหนุ่มสาวที่กร้าว อยากพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน – คนที่เคยเป็นคุณป้าในอดีตด้วยได้ไหม เราจะเปิดใจยอมรับฟังความต้องการของพวกเขาได้ไหม หรือเราจะรักและฟังพวกเขา ก็ต่อเมื่อต้อง ‘รอ’ ให้คนเหล่านี้ถูกบดขยี้จนภินท์พังแบบเดียวกับคุณป้าคุซามะเสียก่อน เราถึงค่อยเห็นว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่ ‘รักได้’
สิ่งเหล่านี้ย้อนแย้งกันไปมาจนปั่นป่วน ถ้าคุณป้าไม่ถูกบดขยี้ คุณป้าอาจไม่เป็นแบบนี้ แต่เพราะคุณป้าเคยเป็นแบบนั้น คุณป้าจึงถูกบดขยี้ แล้วสังคมแสนดีก็เลือกรักเฉพาะบางส่วนของคุณป้า นั่นคือส่วนที่ on med และถูกขึ้นรูปมาใหม่อีกครั้ง ผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ทำให้คุณป้าไม่ใช่เด็กสาวที่เต็มไปด้วยพิษสงคนนั้นอีกต่อไป
นี่คือสารคดีที่ควรดู ดูเพื่อให้เห็นว่าคุณป้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเราจะสามารถรักคุณป้าและเด็กสาวก้าวร้าวคนนั้น ผู้ที่เคยเป็นคุณป้ามาก่อนได้ไหม
และเช่นเดียวกัน – เราจะเปิดใจรับคนหนุ่มสาวหน้าใหม่ๆ ที่มีแนวคิดแตกต่างไปจากความคุ้นเคยเดิมๆ ของเรา มากพอที่เราจะไม่ ‘บดขยี้’ พวกเขาหรือเปล่า