เราไม่ชอบถูกตัดขาดจากคนอื่น

เราไม่ชอบถูกตัดขาดออกจากคนอื่นๆ หรอก

จำได้ไหม สมัยเด็กๆ หากเพื่อนของคุณนัดแนะกันไปเล่นอะไรบางอย่างแล้วไม่ชวนคุณด้วย คุณรู้สึกอย่างไร

จำได้ไหม สมัยที่เริ่มทำงานใหม่ๆ เมื่อเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ นัดแนะกันไปกินอาหารเย็นหลังเลิกงานด้วยกัน แต่พวกเขาไม่ได้ชวนคุณ คุณรู้สึกอย่างไร

ความไม่ชอบเหล่านี้นำเราไปสู่ความกลัว เป็นความกลัวที่จะถูกตัดขาด เป็นความกลัวที่ฝังแน่นอยู่กับกระบวนการวิวัฒนาการของเรา เพราะคนที่ถูกตัดขาดหรือถูกขับออกจากฝูงนั้น มีแนวโน้มที่จะเอาชีวิตไม่รอดมากโข คนเหล่านี้ต้องเผชิญกับภัยร้ายในป่าตามลำพัง และอาจถูกงู เสือ หรือหมาป่า ขย้ำเขี้ยวเข้าที่ลำคอได้ในชั่วคืน เพียงเพราะไม่มีใครอื่นผลัดกันคอยช่วยระวังหลังให้กัน

ความกลัวนี้ยังคงอยู่ แม้กระทั่งในสังคมปัจจุบัน

ผมมักคิดว่า เป็นความกลัวแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้โลกต้องสร้างเครือข่ายใยโยงระหว่างคนกับคนให้หนาแน่นที่สุด เราเคยมีเครือข่ายที่เป็นชุมชน เครือญาติ เครือข่ายที่สัมพันธ์กันผ่านองค์กรศาสนา ผ่านศูนย์รวมชุมชนอย่างวัด ผ่านการสร้างพิธีกรรมต่างๆ และผ่านภาษา

เคยมีคนบอกว่า ยิ่งมนุษย์อยู่รวมกันในพื้นที่จำกัดมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีจำนวนภาษามากขึ้นเท่านั้น เช่นบนเกาะปาปัวนิวกินีที่มีพื้นที่ไม่มากนักนั้น มี ‘ภาษา’ ที่แตกต่างหลากหลายกันหลายร้อยภาษา มีคนประมาณเอาไว้ว่า ห่างออกไปเพียงสองหรือสามไมล์ คุณก็จะพบกลุ่มคนที่ใช้ภาษาใหม่ๆแล้ว 

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะมนุษย์เราทำสองอย่าง อย่างหนึ่งก็คือการ ‘พันผูก’ ตัวเองเข้าด้วยกันโดยใช้ภาษา และอีกอย่างหนึ่งก็คือการ ‘กีดกัน’ คนอื่นๆออกไปโดยใช้ภาษาอีกเช่นกัน เราใช้ภาษาเป็นเครื่องคัดกรองและคัดแยกกลุ่มคน เราจะปฏิบัติต่อคนที่ใช้ภาษาเดียวกับเราเหมือนเป็นมนุษย์เหมือนเรา แต่จะปฏิบัติต่อคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาแบบเดียวกับเราเหมือนคนเหล่านั้นเป็น Sub-Human หรือเป็นมนุษย์ชั้นรองลงไป

ทั้งหมดนี้เกิดจากความกลัวเดียวกันกับความกลัวข้างต้น

เพียงต่อเราไม่ได้กลัวงู เสือ หรือหมาป่า เท่านั้น แต่เรายังกลัว ‘มนุษย์’ ด้วยกันเองอีกด้วย!

เมื่อมนุษย์สร้างเครือข่ายใยโยงล่าสุด คือเครือข่ายสังคมในโลกออนไลน์ ใช้มือถือ ใช้คอมพิวเตอร์ เราได้ทำทั้งสองอย่าง คือทั้งขยายเส้นพรมแดนขอบฟ้าของเราให้กว้างขึ้น และทำให้มันหดแคบเล็กลงด้วย หลายครั้งเราหดตัวมาอยู่แต่ในเปลือกของสังคมเล็กๆ ที่เราคุ้นเคย ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ที่กว้างใหญ่ขึ้น เราต้องการข่าวสารเพียงแค่เรื่องราวของเพื่อนฝูงของเรา คนที่เราคิดว่ามีผลกระทบต่อเรา แต่ไม่ได้สนใจหรอกว่า มีเด็กในอิรักที่ต้องตายเพราะสงครามกี่คน เราจะสนใจการฆ่าเชือดคอของขบวนการก่อการร้ายก็เพียงเพราะมันเร้าความสนใจและทำให้เรามีเรื่องไปพูดคุยกับเพื่อนก็เท่านั้น

สภาวะแบบนี้ทำให้เราต้องพึ่งพิงเครือข่ายใยโยงเหล่านี้อย่างไม่อาจแยกตัวออกมา มันค่อยๆกลืนกินเราทีละน้อย จนเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน เรากลายเป็นผู้ผลิตและผู้เสพไปในเวลาเดียวกัน เราจึงยากจะถอนตัวออกมาอยู่เพียงลำพังได้

ไม่มีใครผิดหรอก

มันเป็นเพียงแต่ความกลัวเดิมๆ ที่ฝังตัวอยู่ในสมองดึกดำบรรพ์ของเรา,

ก็เท่านั้นเอง