ความไร้รักอาจเป็นทุกข์อย่างหนึ่ง แต่ความรัก – ต่อให้จริงแท้ยิ่ง, ก็เป็นทุกข์อีกอย่างหนึ่งด้วย

ครั้งหนึ่ง ระหว่างขับรถเที่ยวในดินแดนแปลกหน้า ผมแวะพักที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และแลเห็นคู่รักชราสองคนที่โต๊ะข้างๆ

พวกเขาเคลื่อนไหวเชื่องช้า อากาศที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็เคลื่อนไหวเชื่องช้า พวกเขาแทบไม่ได้มองหน้ากันและกัน ต่างฝ่ายต่างอ่านหนังสือพิมพ์ไปเงียบๆ สำหรับพวกเขา เวลาอาจเหมือนน้ำที่แห้งขอดคลอง ไหลรินไปช้าๆแทบขาดใจ

เวลาเห็นภาพเช่นนี้ จะสงสัยเสมอว่า – เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรหนอ

เพื่อความรักหรือ, ก็ใช่ – แต่ยิ่งมีความรักที่จริงแท้มากเพียงใด ตอนจบก็จะเจ็บปวดมากเพียงนั้น

สิ่งที่อวลไอล้อมรอบทั้งคู่ทำให้รู้สึกประหลาด เหมือนพวกเขาอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง โลกของตัวเอง โลกที่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันด้วยสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

เหมือนพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวกัน เป็นสัตว์ป่าตัวเดียวกัน ตัวที่บาดเจ็บ และกำลังจะตาย ดวงตาของฝ่ายหญิงแห้งผาก เหม่อลอย ดวงตาของฝ่ายชายชุ่มฉ่ำกว่า มีแววของชีวิตอยู่มากกว่าเล็กน้อย เป็นดวงตาคู่ที่นานๆครั้งจะเงยขึ้นมองดูฝ่ายหญิง

ไม่รู้สิ – บางทีพวกเขาอาจมีความสุขกับชีวิตก็ได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ – พวกเขาอาจสงสัยจนเลิกสงสัยไปนานแล้วก็ได้, ว่าชีวิตคืออะไร และเมื่อไหร่จะถึงวันนั้น วันที่พวกเขาต้องเหลืออยู่ลำพัง และวันที่พวกเขาจะไม่เหลืออยู่อีกต่อไป

ฝ่ายหญิงเดินตามปกติไม่ได้แล้ว เธอต้องใช้รถเข็นสามขาที่มีล้อคอยพยุงเดิน ผมนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงโต๊ะที่ขวางเธออยู่ เธอลุกขึ้น ค่อยๆเดิน แล้วอ้อมเก้าอี้ของเราไปราวกับเรือลำเล็กๆ กำลังอ้อมแหลมกู๊ดโฮปที่มีคลื่นจัดลมแรงเป็นครั้งสุดท้าย

ฝ่ายชายละสายตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเล็กน้อย มองดูการเดินของฝ่ายหญิงคล้ายห่วงใย ผมไม่ได้ลุกขึ้น ไม่ได้เลื่อนเก้าอี้ให้เธอ เพราะแม้ใจหนึ่งจะอยากทำอย่านั้น แต่อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่าเธออาจไม่ได้ต้องการให้ใครทำเช่นนั้น

เธออาจอยากเดินไปเหมือนยังเป็นเด็กสาว เหมือนมาเรีย-แม่ชีฝึกหัดใน The Sound of Music ที่ร่าเริงและชอบหนีขึ้นไปร้องเพลงอยู่บนเขา เธออาจคิดว่าเธอไม่ได้เดินช้าอะไร เพียงแต่เวลาที่ล้อมรอบตัวเธอมันเดินเร็วเกินไปต่างหาก โลกเดินเร็วเกินไป จักรวาลเดินเร็วเกินไป

ผมไม่เห็นอะไรอื่น นอกจากขอบเขตของความสัมพันธ์ เป็นเหมือนก้อนวุ้นใสๆ ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา ห้อมล้อมคนทั้งสองเอาไว้

ไม่มีใครอื่นอีกในโลกสามารถเข้าไปในก้อนวุ้นนั้นได้ มีแต่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ในโลกใบนั้น ก้อนวุ้นนั้นยืดขยายออก โอบอุ้มและห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้เสมอ ไม่ว่าใครจะเดินไปไหน แม้ฝ่ายหญิงจะเดินออกไปโดยไม่พูดจา แต่ฝ่ายชายรู้เสมอว่าเธอจะไปไหน เธอต้องการอะไร และเธออยู่ในโลกใบไหน โลกนี้หรือโลกหน้า

ความรักเป็นเรื่องประหลาด มันพาเราออกนอกโลกไปไกลถึงดวงดาว แต่แล้วก็ผลักเรากลับมาสู่ความจริงที่ว่า-เราไม่อาจรักใครบางคนได้ตลอดกาลแท้จริงหรอก เราจะตายและความรักของเราจะตายไปเสมอ ไม่มีความผูกพันใดๆที่ล้ำค่าจนกาลเวลาไม่อาจบดขยี้มันได้ เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเล่า กับความรักที่เป็นอมตะตลอดกาล กับการตายพรากไปเพื่อหวนกลับมาค้นหากันใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าราวต้องคำสาป

ความไร้รักอาจเป็นทุกข์อย่างหนึ่ง แต่ความรัก – ต่อให้จริงแท้ยิ่ง, ก็เป็นทุกข์อีกอย่างหนึ่งด้วย