ดูซีรีส์ The Haunting of Hill House มาถึงตอนที่ 6 ก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริศในแบบที่ฝรั่งเรียกว่า jaw-dropping
โดยส่วนตัว คิดว่า 5 ตอนแรก เป็นการ ‘ปูพื้น’ ที่กล้าหาญมาก ถ้าเป็นเรื่องน่าขนหัวลุกสำหรับผู้กำกับเลยทีเดียว เพราะใช้ครึ่งหนึ่งของซีรีส์เพื่อวางแบ็คกราวด์ของเรื่องทั้งหมด แถมยังเลือกวิธีตัดสลับไปมาจนแลดูยุ่งเหยิงซับซ้อน
ที่บอกว่ากล้าหาญ ก็เพราะวิธีทำซีรีส์แบบนี้ อาจทำให้คนที่อยากมาดูผีตุ้งแช่น่ากลัว หายไปได้มากกว่าครึ่ง ในขณะเดียวกัน คนที่ชอบดราม่าซับซ้อน ก็อาจไม่ได้คาดหมายว่าหนังจะลึกซึ้งซับซ้อนได้สนุกขนาดนี้ จึงไม่เข้ามาดู
แต่การปูพื้นถึงห้าตอน ทำให้ The Haunting of Hill House ละเอียดละออมาก เข้าถึงแทบทุกซอกทุกมุม ทั้งในบ้านที่เหลือแต่ซาก รวมไปถึง ‘จิตใจ’ ของตัวละคร ตั้งแต่วัยเด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ก็ถูกกระทำจนแทบเหลือแต่ซากแบบเดียวกับบ้านหลังนั้นไปด้วย
ทว่าที่บอกว่าตอนที่หก ทำให้ตกตะลึงพริงเพริศก็เพราะ หลังจาก ‘ปูพื้น’ เรื่องมาอย่างเชื่องช้าแบบ slow-burn แล้ว ผู้กำกับก็เลือกเปิดตัวครึ่งหลังของซีรีส์ ด้วยวิธีถ่ายแบบ long take (หรือบางทีก็เรียกว่า long shot ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมุมมองของใคร นักแสดงหรือช่างภาพ)
การถ่ายแบบ long take ก็คือไม่มีการตัดเลย ตัวละครจะต้องเล่นแบบเดียวกับเล่นละครเวที คือต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งในฉากนี้ยาวนานมากถึง 18 นาที
ผู้กำกับที่ชอบใช้ long shot ก็คือ อเลฮานโดร อินาริตู (เช่นใน Birdman กับ The Revenant) จนได้ชื่อว่าเป็น Master of Shot ในขณะที่ผู้กำกับ The Haunting of Hill House ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเรื่องนี้เท่าไหร่ จึงเรียกได้ว่าเป็นความกล้าหาญชั้นที่สองซ้อนเข้าไปอีกที่เลือกเปิดครึ่งหลังของซีรีส์ด้วยวิธีนี้
ที่ทำให้ ‘ตื่นเต้น’ เข้าไปใหญ่ ก็คือเมื่อผมไปอ่านเบื้องหลังของการถ่ายฉากนี้
ปกติแล้ว การถ่าย long take ต้องซ้อมกันเหมือนละครเวที คือใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 สัปดาห์ เนื่องจากต้องประสานกันอย่างเนียนสนิท ระหว่างนักแสดงทุกคน (ย้ำว่าทุกคนนะครับ) กับกล้อง การเคลื่อนกล้อง และทีมงานทั้งหมด
ในฉากนี้ ตัวละครที่เกี่ยวข้องมีมากกว่าสิบคน เพราะมีทั้งวัยเด็กวัยผู้ใหญ่ แล้วไม่ได้เข้ามาแล้วออกไป ถ้าเป็นแบบนั้น long take จะง่ายกว่า เพราะตัวละครไม่ต้องค้างอารมณ์ค้างการแสดงอยู่ในฉากตลอดเวลา ทว่าตอนที่ 6 นี้ นักแสดงอยู่ในฉากตลอด และมีเรื่องที่เป็นปมใหญ่ๆ ให้ต้องแสดงออกกันตลอดเวลา เมื่อดูแล้วจึงคิดว่าคงซ้อมกันหนักมากแน่ๆ
แต่ปรากฏว่า ทีมงานมีเวลาซ้อมแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งต้องถือว่าน้อยมาก ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ต้องใช้วิธีดอลลี่กล้อง ซึ่งการดอลลี่ก็ต้องมีรถเข็นหรือ cart แต่ cart ที่ใช้นั้น ออกแบบมาสำหรับการใช้งานบนพื้นแข็งเท่านั้น ทว่าในฉาก พื้นเป็นพรม
ผลลัพธ์ก็คือ เมื่อซ้อมกันไปสองสัปดาห์ ขนของพรมก็จะเข้ามาพันล้อของ cart จนมันเร่ิมเสื่อมและใช้งานไม่ค่อยจะได้ เรียกว่า cart จะพังมิพังแหล่แล้ว เลยต้องแก้ไขกัน ทำให้คาดว่าสามารถใช้งานได้อีกแค่สามรอบเท่านั้น มากไปกว่านี้ cart จะพัง cart ที่ว่านี้เป็นแบบราคาแพงมาก ซับซ้อนมาก จึงไม่สามารถหาตัวใหม่มาทันช่วงเวลาของการถ่ายทำได้ ก็ต้องใช้กันไป
ปรากฏว่าเมื่อถ่ายไปหนึ่งเทค ผู้กำกับบอกว่าพอใช้ได้แล้ว แต่นักแสดงบอกว่าขออีกรอบเถอะ ก็เลยมีการถ่ายรอบที่สอง แต่เมื่อถ่ายเสร็จปุ๊บ รู้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น
cart พังทันที!
โชคดีที่เทคที่สองใช้ได้แล้ว และดีกว่าเทคแรกด้วย เป็นเทคที่ปรากฏอยู่ในซีรีส์ให้เราเห็นนี่แหละครับ ออกมาได้เข้มข้น เคร่งเครียด และสุดยอดมากๆ
แต่ยิ่งมาได้รู้เบื้องหลัง ก็ยิ่งต้องบอกว่านี่คือซีรีส์ที่ชวน ‘ขนหัวลุก’ ในทุกมิติจริงๆ