อากาศอังกฤษส่งผลต่ออุปนิสัยแบบอังกฤษๆ อย่างไร

ใครๆก็ชอบค่อนว่าคนอังกฤษนั้นเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยยุ่งสุงสิงกับใคร ยิ่งถ้าเทียบกับคนอเมริกันหรือคนอิตาเลียนด้วยแล้ว ต้องบอกว่าคนอังกฤษเงียบขรึมไปเลยก็ว่าได้

แต่คุณเชื่อไหม-ว่าที่คนอังกฤษเป็นอย่างนี้ มีคำอธิบายหนึ่งบอกไว้น่าสนใจอย่างยิ่ง

เขาบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับอากาศของอังกฤษ!

ถ้าคุณดูแผนที่โลก คุณจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า อังกฤษนั้นแทบจะอยู่ขึ้นไปเท่ากับอลาสก้าและแคนาดา เพราะฉะนั้น อากาศของอังกฤษจึงไม่ใช่อากาศอบอุ่นอะไร แต่พูดได้เลยว่าเป็นอากาศที่ ‘หนาว’ เอามากๆ

โชคดีของอังกฤษ ที่มีกระแสน้ำอุ่น Gulf Stream มาคอยหล่อเลี้ยง ทำให้ที่ควรจะหนาวเย็นสุดขั้ว ก็กลับกลายมาเป็นประเทศที่ไม่หนาวขนาดอลาสก้า

แต่กระนั้น อากาศแบบแถบหนาวก็ยังส่งผลต่อพฤติกรรมของคนอังกฤษอย่างลึกซึ้ง

คนอเมริกาเล่าเรื่องโจ๊กค่อนว่าคนอังกฤษเอาไว้ว่า ถ้าจับคนอังกฤษสองคนมาอยู่ในห้องเดียวกัน แล้วไม่มีบุคคลที่สามมาเป็นคนกลางคอยแนะนำให้สองคนนั้นรู้จักกัน ต่อให้ปิดห้องไว้นานเท่าไหร่ สองคนนั้นก็จะไม่ทำความรู้จักกัน ไม่คุยกัน เพราะไม่ได้รับการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

เรื่องนี้คนอังกฤษหลายคนก็ยอมรับนะครับ เขามีคำอธิบายว่า การที่คนอังกฤษนั้นค่อนข้างจะ ‘อึดอัด’ กับคนแปลกหน้า (หรือจริงๆคือการอยู่กับคนอื่น) นั้น, เกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับสภาวะอากาศที่เป็นแบบทางเหนือ ไม่เหมือนกับอากาศทางใต้

เขาบอกว่า อากาศแบบอังกฤษนั้น ส่งผลให้คนอังกฤษไม่ค่อยมีวิถีชีวิตแบบนั่งร้านกาแฟหรือว่ามี ‘สังคมร้านกาแฟ’ (Cafe Society) เหมือนคนบนแผ่นดินใหญ่ในทวีปยุโรป 

ถ้าคุณเคยดูหนังสเปนของผู้กำกับ เปโดร อัลโมโดวา เรื่อง Talk to Her คุณอาจจำฉากหนึ่งในหนังได้ เป็นฉากมีการร้องเพลงกลางแจ้งยามค่ำคืน แล้วผู้คนก็ออกมาปาร์ตี้เฮฮาสังสรรค์กัน หรือถ้าใครเคยไปปารีส จะเห็นเลยว่าชาวฝรั่งเศสชอบการออกมาปาร์ตี้ริมแม่น้ำแซนแบบอัลเฟรสโกยามค่ำคืนมาก เมืองจึงมีสีสันสนุกสนาน ทั้งชาวฝรั่งเศสและชาวสเปนเป็นเช่นนั้น พวกเขาสามารถออกมาจิบไวน์กันได้ในค่ำคืนอันอบอุ่นของฤดูร้อน ผ่านยามค่ำคืนกันไปอย่างเริงรมย์สนุกสนาน แต่คนอังกฤษไม่เป็นอย่างนั้น อากาศที่หนาวกว่าและฝนที่ตกพรำเกือบตลอดเวลา ทำให้คนอังกฤษพาตัวเองไปอุดอู้อยู่กับผับ เข้าไปซุกตัวอยู่ในร้านเบียร์ ใช้ชีวิตในยามว่างแบบ ‘อินดอร์’ แทนที่จะเป็นการอยู่กลางแจ้งเหมือนคนในแถบเมดิเตอร์เรเนียน

ที่สำคัญก็คือ ยังมีคำอธิบายทางวิวัฒนาการด้วยนะครับ เขาบอกว่า มนุษย์เพิ่งจะเดินทางออกมาจากแอฟริกาอันอบอุ่นเมื่อไม่กี่แสนปีมานี้เอง เพราะฉะนั้นเอาเข้าจริง ในพันธุกรรมของมนุษย์นั้น เรายังคุ้นเคยกับความอบอุ่นร้อนแรงของแสงแดดจัดจ้าแห่งแอฟริกาอยู่ ดังนั้นเมื่อคนอังกฤษต้องมาพบกับความซึมเซาเทาทึมของอากาศ พวกเขาจึงมีอากาศซึมๆ เศร้าๆ เก็บเนื้อเก็บตัวมากกว่าคนอื่น แถมอากาศแบบนี้ยังทำให้คนอังกฤษไม่มี ‘ชีวิตในจัตุรัส’ (มีคนใช้คำว่า Piazza Life) เหมือนคนอิตาเลียนด้วย

ในปี 1985 เคยมีเหตุโศกนาฎกรรมในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปรอบสุดท้าย ระหว่างทีมลิเวอร์พูลกับยูเวนตุส ปรากฏว่าสนามพังลงมา ทำให้แฟนฟุตบอลทีมยูเวนตุสเสียชีวิตไปถึงสามสิบเก้าคน จึงเกิดการทำข่าวเรื่องนี้ขึ้น และมีการเปรียบเทียบอุปนิสัยใจคอของชาวอังกฤษจากลิเวอร์พูล และชาวอิตาเลียนจากตูรินขึ้นมา

เขาบอกว่า ถึงแม้แฟนฟุตบอลสองทีมนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน แต่ชีวิตของคนจากสองประเทศนี้แตกต่างกันมาก ชาวลิเวอร์พูลนั้นจะกินอาหารเป็นเนื้อ ปลาทอด มันฝรั่ง แล้วก็ดื่มเบียร์กัน โดยในตอนกลางวันจะไปทำงาน กินอาหารพวกนี้ แล้วไปใช้เวลาตอนเย็นในผับ ดื่มเบียร์กับเพื่อนที่เป็นผู้ชายด้วยกัน 

ส่วนชาวตูรินนั้น แม้จะไปทำงานใช้แรงงานเหมือนกันก็จริงอยู่ แต่พอถึงเวลากลางวันก็จะกลับไปกินอาหารที่บ้าน อาหารมักจะเป็นพาสต้ากับเนื้อลูกวัว จากนั้นก็ล้างคอด้วยไวน์แดงก่อนจะกลับไปทำงาน พอทำงานเสร็จก็กลับมาบ้าน ใช้เวลาอยู่กับลูกเมีย (หรือแม่) 

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ชายชาวลิเวอร์พูลนั้น จะใช้ชีวิตอยู่กับเพศเดียวกันมากกว่า ทำให้เวลาต้องสังสรรค์สมาคมกับเพศตรงข้าม จะเกิดความรู้สึกอึดอัด วางตัวไม่ถูก แต่ถ้าเป็นชาวตูริน พวกเขากลับเป็นตรงข้าม เนื่องจากมีความสัมพันธ์ชิดเชื้อกับผู้หญิงอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้

ที่สำคัญก็คือ การใช้ชีวิตแบบนี้ จะทำให้ต้องคลุกคลีอยู่กับคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน มีไลฟ์สไตล์แบบเดียวกัน (เช่น เป็นผู้ชายที่ทำงานแบบเดียวกัน มีความเห็นคล้ายๆกัน มีฐานะใกล้เคียงกัน ฯลฯ) จึงขาดโอกาสที่จะเรียนรู้คนอื่นๆที่มีความแตกต่างหลากหลายจากตัวเอง

การแยกขาดจากเพศตรงข้ามของคนอังกฤษนั้นเข้มข้นขึ้น เมื่อเกิด Beer Act คือกฎหมายที่สนับสนุนการดื่มเบียร์ด้วยการลดภาษีเบียร์ (เพราะเห็นว่าเบียร์คือสมบัติทางวัฒนธรรมของคนอังกฤษ) จึงก่อให้เกิดผับใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นหลายหมื่นผับในปีเดียว 

ผับไม่ใช่สถานที่ของผู้หญิง ผู้หญิงอังกฤษ (ยุคโน้น) ไม่เข้าผับ เพราะฉะนั้นผับจึงทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกขำๆว่า Homo Britannicus หรือชาวอังกฤษที่คลุกคลีอยู่กับคนเพศเดียวกัน ซึ่งมักจะอึดอัดและไม่สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Femina Britannica ซึ่งก็คือผู้หญิง, ได้

นักปรัชญาฝรั่งเศสอย่าง ฌาคส์ แดร์ริดา เคยพูดไว้ขำๆ ถึงชีวิตทางเพศของชาวอังกฤษกับชาวฝรั่งเศสว่า พวกผู้ชายอังกฤษนั้น ไม่สามารถที่จะหนีจากสภาพการณ์แบบนี้ได้ แต่พวกคนฝรั่งเศสเองก็หามีความเข้าใจไม่ว่า พฤติกรรมทางเพศนั้นจะน่าพึงพอใจมากขึ้นไปอีก ถ้าหากรู้จักมีความอายเสียบ้าง

เวลาไปอังกฤษ เราอาจเห็นอากาศของอังกฤษอึมครึม แต่ถ้าเราเห็นได้ว่า อากาศอังกฤษมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคนอังกฤษ คุณอาจเข้าใจคนอังกฤษได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

และนั่นคือสิ่งสำคัญ