คุณสมบัติอันพึงปรารถนาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ลูกค้า’

1. คิดว่างานที่ต้องจ้างคนอื่นทำ เป็นเหมือนการปลูกต้นไม้ สิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่า ‘ลูกค้า’ (ที่มาจ้างคนทำงานสร้างสรรค์อีกต่อหนึ่ง) เป็นเหมือนคนที่มีเมล็ดพันธุ์อะไรบางอย่างอยู่ในมือ (ส่วนใหญ่คือทุน) แต่ไม่มีเวลาปลูก ไม่มีเวลารดน้ำ ตัดแต่งกิ่ง ไม่รู้ว่าสีของดอกไม้คืออะไร
2. ‘ลูกค้า’ ที่จ้างคนอื่นมาทำงานอะไรให้ตัวเอง (ไม่ว่าจะมีงบประมาณมากหรือน้อย) ควรใช้ต้นทุนทุกอย่างในตัว สมอง สติปัญญา รสนิยม สายตา และวิจารณญาณทุกด้านอย่างถี่ถ้วน ว่าจะเลือกจ้างใครมาทำงานประเภทสร้างสรรค์ให้เหมาะสมกับงาน ไม่ใช่จ้างเพราะถูกกล่อม ถูกหลอก ประหยัด ถูกคอนเน็คชั่นบีบ ฯลฯ
3. ควรมองให้ครบถ้วนว่า ใครคนนั้น (หรือบริษัทนั้น) ที่จะจ้าง มีบุคลิกอย่างไร จุดเด่นคืออะไร สิ่งที่แตกต่างคืออะไร ‘ลูกค้า’ ที่ Work Smart จะรู้จัก ‘ปล่อยมือ’ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ที่ตัวเองอยากได้ ไปเติบโตอยู่ในมือของคนที่เราเลือกแล้วว่าเขาจะตัดแต่งกิ่งก้านออกมาอย่างไร สวนทั้งสวนจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร และหลังพูดคุยถึง ‘ทิศทาง’ ใหญ่ๆ (เช่น จะเอาสวนอังกฤษหรือสวนหินแบบเซน) แล้ว ก็ไม่ควร ‘ล้วงลูก’ ไปควบคุมหรือ approve งานเล็กๆ น้อยๆ ย่อยยิบ (เช่นจะเลือกหินก้อนใหญ่ก้อนเล็กมาใส่ในสวน หรือต้องรดน้ำบ่อยแค่ไหน) แต่ควรปล่อยให้คนทำงานได้ ‘สนุก’ กับงานจริงๆ เพื่อให้ความคิดสร้างสรรค์ระเบิดออกมาทะลุทุกกรอบ
4. การที่ลูกค้าจู้จี้จุกจิก ไอ้นั่นต้องเป็นแบบนั้น ไอ้นี่ต้องเป็นแบบนี้ บางทีอาจไม่ใช่เพราะลูกค้ามีความคิดสร้างสรรค์หรอก แต่เป็นไปได้ว่าลูกค้าเพียงใช้ ‘แบบจำลองอำนาจ’ แบบ Plutocracy คือคิดว่าเงินเป็นใหญ่ จึงสามารถใช้เงินควบคุมล้วงควักลงไปในถึงสมองและความคิดสร้างสรรค์ของคนที่ตนจ้างได้ หรือไม่ก็คิดว่าอยากช่วยทำเยอะๆ ด้วยความหวังดี ทำให้ตัวเองต้องทำงานหนักไปด้วย แต่อย่าลืมว่า Work Hard กับ Work Smart เป็นคนละเรื่อง
5. ปัญหาก็คือ งานที่ออกมาโดยลูกค้าพยายามใส่ input ของตัวเองเข้าไปเยอะๆ มักมีลักษณะยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก ต่อให้ลูกค้ามีความคิดสร้างสรรค์ ก็ไม่ได้มีเวลามาทำเอง (ไ่ม่งั้นคงไม่ต้องมาจ้างคนอื่น) สุดท้ายออกมาจึงไม่ไปทางไหนสักทาง สรุปจึงมักได้งานออกมาพื้นๆ และเสียเวลาในชีวิตไปกับการถกเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่อง ส่วนใหญ่ ลูกค้าประเภทนี้ในที่สุดจะลงเอยไปเลือกคนทำงานประเภทที่ทำอะไรก็ได้ ขอให้ถูกใจตัวเองเป็นพอ โดยคนที่รับงานแบบนี้ก็มักจะคิดแพงๆ ไว้ก่อน เพราะไม่คุ้มค่าเสียเวลาชีวิต ทั้งหมดจึงได้ไม่คุ้มเสีย
6. อีกปัญหาที่คนทำงานมักจะเจอก็คือ ลูกค้าจะเอาอย่างนึง แต่นายของตัวเอง (ที่เป็นเจ้าของบริษัทที่ไปรับจ้างลูกค้ามา) จะเอาอีกอย่างหนึ่ง บางทีผ่านนายไม่ผ่านลูกค้า บางทีผ่านลูกค้าไม่ผ่านนาย คำถามก็คือ ถ้าลูกค้าจู้จี้จุกจิกแล้ว นายควรเอาพลังงานไปรับมือกับความจู้จี้จุกจุกของลูกค้า หรือควรเอาพลังมาจู้จี้จุกจิกกับคนทำงานอีก
7. วิธีทำงานที่ราบรื่น ก็คือการรู้จัก ‘เลือก’ คนที่ตนจะร่วมงานด้วยตั้งแต่ต้นอย่างพิถีพิถัน เมื่อเลือกแล้วก็ต้อง ‘เคารพ’ คนเหล่านั้นด้วย ปล่อยให้พวกเขาได้มีตัวตน เติบโต เป็นอิสระ และสร้างสรรค์ไปพร้อมๆ กัน นี่คือความเชื่อมั่นในมนุษย์
8. โปรดอย่าลืมว่าสถานะความเป็น ‘ลูกค้า’ หรือ ‘เจ้านาย’ นั้น เป็นมายาและชั่วคราว แต่ความเป็นมนุษย์ที่รู้จักเคารพกันและกันต่างหากที่จะสร้างความยั่งยืนให้ชีวิต