ถ้าเราไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลย ชีวิตจะเป็นอย่างไร

เวลาเรานึกย้อนกลับไปในกาลเวลา ราวกับนั่นเป็นกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เรามักไม่อาจนึกภาพที่แจ่มชัดออกมาได้

มีผู้เปรียบการรับรู้ถึงเรื่องในอดีตของเราว่าเหมือนแสงไฟฉายที่กวาดไปในที่มืด มันจะแวบไปเห็นภาพนั้นภาพนี้ บางครั้งอาจเป็นบ้านเก่า ทุ่งกว้าง เพื่อนบางคนที่เราไม่เคยแม้แต่จะคิดถึง 

ความทรงจำดูคล้ายเป็นเรื่องธรรมชาติ คล้ายกับมันเกิดขึ้นได้เอง แฝงฝังอยู่ในสมองของเรา แล้วผุดขึ้นมาให้เรารับรู้เมื่อเราเรียกร้องต้องการ

แต่ความทรงจำเป็นเช่นนั้นเสมอไปจริงหรือ?

เคยมีชายชราผู้หนึ่ง เขาอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราของรัฐคอนเนกติกัต เขาอาจไม่มีชื่อเสียงให้คนทั้งโลกได้รับรู้ แต่ชื่อเสียงของเขาโด่งดังในแวดวงนักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาเรื่องราวของความทรงจำ

นักวิทยาศาสตร์ปิดบังชื่อจริงของเขา แต่เรียกชื่อย่อของเขาว่า เอชเอ็ม (H.M.) เขาเป็นชายชราที่ดูเผินๆคล้ายปกติดีทุกอย่าง มีอารมณ์ขัน มารยาทดี สุภาพอ่อนโยน และคุยเก่ง เขาพูดคุยกับคนหน้าใหม่ ผูกมิตร และน่ารัก

ข้อเสียของเขามีเพียงประการเดียว,

เขาไม่มีความทรงจำ

เมื่อเราพูดคุยกับเอชเอ็ม เขาจะคุยตอบอย่างร่าเริงสนุกสนาน แต่ไม่ช้า เขาก็จะลืมเลือนทุกสิ่งไป

เขาไม่ได้ลืมเพียงถ้อยคำที่เพิ่งพูดจา แต่เขาจะลืมแม้กระทั่งใบหน้าของคุณ ลืมว่าคุณเคยดำรงอยู่ตรงนั้น ลืมว่าคุณกับเขาเคยพบกัน

หากคุณเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เวลาเดินไปสองสามนาที แล้วเดินกลับเข้ามาใหม่ เอชเอ็มจะพูดคุยกับคุณราวกับเขาได้พบคุณเป็นครั้งแรก ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตก็ไม่มีความหมายใดๆสำหรับเอชเอ็มเลย เขามีชีวิตอยู่กับที่นี่และเดี๋ยวนี้เท่านั้นเอง

ว่ากันว่า คนส่วนใหญ่เห็นชีวิตคล้ายกับภาพยนตร์ที่เลื่อนไหลจากภาพหนึ่งสู่อีกภาพหนึ่ง แต่สำหรับชายชราอย่างเอชเอ็ม ชีวิตของเขาคือภาพทีละภาพ เขาเห็นภาพได้ทีละภาพเท่านั้น และทุกภาพล้วนไม่เชื่อมโยงสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย

ชีวิตของเขาจึงคล้ายกับความฝันที่ไม่ปะติดปะต่อ

ใช่หรือไม่ว่า หากปราศจากเสียซึ่งความทรงจำแล้ว เราจะได้มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะดังที่เหล่าพระได้พร่ำสอน ใช่หรือไม่ว่า ชีวิตของเราจะปราศสิ้นซึ่งทุกข์และสุข ไม่มีสิ่งใดในอดีตติดตามมาหลอนหลอกเราได้

ดูคล้ายเอชเอ็มจะเป็นเช่นนั้น

ชายชราผู้นี้เคราะห์ร้ายเนื่องจากการผ่าตัด ในวัยเด็ก เขาเป็นโรคลมชัก เมื่อเข้าวัยรุ่น อาการลมชักกำเริบหนัก ทำให้เขาชักบ่อยครั้ง อาการของเขาหนักมากจนกระทั่งไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ แต่ละสัปดาห์ เขาอาจชักได้หลายสิบครั้ง ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงจำเป็นต้องผ่าตัดสมองของเขา เพื่อให้เอชเอ็มได้มีชีวิตเหมือนคนปกติ โดยได้ผ่าเอาสมองส่วนใหญ่ของเขาออกไป ในเวลานั้น แพทย์ไม่รู้หรอกว่า การผ่าตัดเอาสมองส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส ออกไป จะทำให้เกิดอะไรขึ้น เพราะยังไม่เป็นที่รู้กันว่า ฮิปโปแคมปัสทำหน้าที่อะไร

แท้จริงแล้ว เมื่อปราศจากสมองส่วนนี้ มนุษย์เราก็จะไม่อาจเก็บรักษาความทรงจำเอาไว้ได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อฟื้นตัวจากยาสลบ เอชเอ็มก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล 

บางครั้งเราพยายามลืมเลือนอะไรบางอย่าง แต่ไม่อาจลืมได้สำเร็จ ทว่าเอชเอ็มไม่เคย ‘เลือก’ ที่จะลืม เพียงแต่ชะตากรรมและพื้นที่สมองที่ถูกทำลายทำให้เขาจดจำอะไรไม่ได้ แต่กระนั้น เขาก็เป็นประโยชน์ในการบ่งชี้ต่อนักวิทยาศาสตร์ ว่ามนุษย์เราเก็บความทรงจำไว้ตรงไหนในสมอง และความทรงจำนั้นเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นๆอย่างไร

เราตอบไม่ได้หรอกว่า – การไร้ซึ่งความทรงจำ, คือคำสาปหรือคำอวยพร