พ่อ แม่ ลูก ความรัก ความชิงชัง

 

1

คุณว่าไหม ว่าความสัมพันธ์ของผู้คนในโลกนี้ โดยเนื้อแท้แล้วเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก

เราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ในครอบครัวเดียวกันนี้ กลับมีความขัดแย้งไม่เข้าใจกันมากเหลือเกิน

เราน้อยอกน้อยใจคนที่เรารักได้มากที่สุด มากกว่าคนที่เราไม่ยี่หระ มากกว่าคนที่เราไม่แคร์

พ่อแม่จึงมักเจ็บปวดกับการกระทำของลูกมากกว่าของคนอื่น และกลับกัน ลูกก็มักเสียใจมากกว่าสิ่งใดในโลก หากล่วงรู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้รักตนเหมือนอย่างที่ตนคิด

ยิ่งกว่านั้น เรามักคิดว่าครอบครัวของเราเป็นสมบัติของเรา เราจึงมักอยากให้สิ่งที่เราครอบครองเป็นไปอย่างที่เราต้องการ ลูกของเราควรเป็นอย่างนั้น พ่อแม่ของเราทำไมถึงไม่เหมือนพ่อแม่ของคนอื่น ทำไมถึงไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ

นั่นยิ่งสร้างความเจ็บปวดและเหินห่าง

เป็นความเหินห่างจากคนที่เราต้องการจะใกล้ชิดที่สุด

นั่นจึงเจ็บปวดที่สุดด้วย

 

หากเธอมองไปยังลูก

หวังให้ลูกมอบความหมายชีวิตแก่เธอ

ชีวิตเธอก็ไร้ความหมาย

หากเธอต้องการให้เขาประสบความสำเร็จ

เพียงเพื่อเธอจะได้รู้สึกเช่นเดียวกัน

เธอก็จะล้มเหลวตลอดไป

ลูกเธอไม่ได้เกิดมา

เพื่อใช้ชีวิตของเธอ

พวกเขาเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตของเขาเอง

เมื่อเธอมองเข้าไปภายในแล้วพบว่า

เธอมีทุกอย่างที่ต้องการอยู่แล้ว

เธอจะพบกับอิสรภาพ*

 

2

พ่อแม่ลูกอาจเป็นกลุ่มคนที่รักกันได้มากที่สุด แต่ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถเป็นกลุ่มคนที่ชิงชังกันได้อย่างลึกซึ้งที่สุดด้วย 

เป็นความชิงชังที่มีสายสัมพันธ์บางอย่างร้อยรัดพวกเขาเอาไว้ไม่ให้พรากจากกันจนชั่วชีวิต แม้จะหนีห่างจากกันทางกายให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวเพียงใด แต่ลึกลงไปในร่างกายและจิตใจ พวกเขารู้ว่ายังมีกันและกันดำรงอยู่ภายในตัว

ความรักที่ลึกซึ้งที่สุด อาจแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังที่ใหญ่หลวงที่สุดได้ พ่อแม่อาจตัดขาดจากลูก ลูกอาจหนีออกจากบ้าน แต่การตัดขาดและเกลียดชังเหล่านั้น เป็นเพียงรูปแบบภายนอก ที่สุดแล้ว พวกเขาไม่อาจตัดขาดจากกันได้ตลอดกาลหรอก

ในครอบครัวใหญ่แห่งนี้ ไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร

ไม่มีใครคอยควบคุมใคร

 

ลูกไม่ใช่ศัตรู

เธอไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา

ความแตกต่างระหว่างเราไม่ใช่การสู้รบ

ที่เธอจะต้องชนะหรือแพ้

หากเธอขังตัวเองอยู่ในสงครามความคิด

ทัศนคติที่ดีต่อทุกอย่างจะสูญสิ้น

สิ่งเลวร้ายและเจ็บปวดถูกสาดทอใส่กัน

ครอบครัวทั้งหมดต้องเป็นทุกข์

และบาดแผลก็ยากที่จะเยียวยา

ชนะหรือแพ้

คือคำที่ไม่มีความจำเป็นสำหรับความสัมพันธ์

เธอไม่ต้องสู้รบเพื่อจะได้มีอำนาจ

อำนาจคือบางอย่างที่เธอมีอยู่แล้วในตัวเอง

หากลูกเธอมองไม่เห็น

นั่นคงเป็นเรื่องน่าเศร้า

แต่เธอไม่อาจบังคับให้พวกเขาเห็นได้

เพียงเธอระลึกไว้ในใจ

การสู้รบมากมายระหว่างเธอกับลูกก็จะหมดไป

ช่วงเวลายากลำบากอาจยังมีอยู่

แต่ไม่จำเป็นต้องอาศัย

อาวุธแห่งการทำลายล้างอีกต่อไป*

 

3

บางคนเปรียบว่า สังคมหนึ่งๆที่ขัดแย้งแตกแยกเหมือนผัวกับเมียที่ทะเลาะกันแต่ไม่อาจหย่าร้าง ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป

เอาเข้าจริงแล้ว สังคมหนึ่งๆอาจเป็นเหมือนพ่อแม่ลูกก็ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกนั้นยิ่งกว่าผัวเมีย เพราะเป็นความสัมพันธ์ของการก่อเกิดและถ่ายทอดพันธุกรรมเข้าไปอยู่ในตัวของคนอีกรุ่นหนึ่ง

หลายครั้ง เราพบว่าพฤติกรรมที่ตัวเองไม่ชอบเสียเลยในตัวพ่อหรือแม่นั้น กลับปรากฎขึ้นในตัวของเราเมื่อมีอายุพอๆ กับพวกท่าน มันเกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ได้อยากให้เกิด แรกทีเดียว เราชิงชังรังเกียจมัน อยากกำจัดมันทิ้งไป อยากฝึกฝนตัวเองให้ไม่ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ในที่สุด เราก็ต้องยอมรับและมองเห็นว่า นั่นคือพ่อแม่ของเราที่ก่อรูปขึ้นมาในตัวของเราเอง

วันหนึ่ง เราจะตายลง เราอาจมีลูกหรือไม่ก็ได้ แต่เราก็จะตายลง เหมือนที่พ่อแม่ของเราได้ตายลง

ไม่มีใครหรืออะไรจีรังหรอก ไม่ว่าความรัก ความชัง การทะเลาะเบาะแว้ง หรือความปรารถนาที่จะมีความสุข

พ่อแม่สร้างสรรค์เราขึ้นมา ก็เพื่อให้ได้พบและเรียนรู้ความจริงนี้,

เท่านั้นเอง

 

ไม่ว่าเรา

หรือลูกของเรา

ก็ไม่อาจหลบหนีการเปลี่ยนแปลง

การสูญเสีย หรือความตายได้

แต่ลูกของเรา

จะตีความสิ่งเหล่านี้

ผ่านมุมมองที่เราให้เขา

หากเธอสามารถ

มองผ่านความกลัวของเธอ

ต่อสามสิ่งนี้ได้

ลูกของเธอก็จะมี

มโนทัศน์ที่กว้างใหญ่ที่สุด*

 

9786169165316

หมายเหตุ * ข้อความจากหนังสือ ‘พ่อแม่ เต้าเต๋อจิง’ โดย วิลเลียม มาร์ติน แปลโดย ถิง ชู และ วิจักขณ์ พานิช