อยากให้ผมลองตอบคำถามอะไร ทิ้งคำถามต่างๆ ไว้ได้ ที่นี่ เลยนะครับ
ผมจะค่อยๆ ทยอยตอบครับ
Q : (^/\^) สวัสดีครับพี่หนุ่ม … ผมกำลังจะเข้าสู่วัยเลข 4 ในอีกปีกว่าๆแล้วครับ … ผมอยากขอคำแนะนำในการเตรียมตัวเข้าสู่วัยเลข 4 จากพี่หนุ่มด้วยครับ … ขอบคุณครับ 🙂
A : อันดับแรกที่ต้องเตรียม ก็คือเรื่องสายตายาวครับ
ฟังดูเหมือนพูดเล่น และผมก็เคยคิดว่ามันเป็นแค่ ‘เรื่องเล่นๆ’ ขำๆ สนุกๆ แต่จริงๆ แล้วไม่สนุกเลยนะครับ มันคือสัญญาณเตือนแรก ที่บอกว่าเราเริ่มก้าวสู่ ‘ความ 4’ แล้ว
ตอนนั้น ผมถึงกับอยากซื้อนาฬิกาข้อมือใหม่ เพราะคิดว่านาฬิกามันบกพร่อง มองเท่าไหร่ก็ไม่ชัดเสียที จนถึงบางอ้อเมื่อยืดแขนออกไปแล้วเห็นชัดนั่นแหละครับ ถึงตระหนักแน่แก่ใจว่า นี่เราอยู่ในวัยสายตายาวแล้ว
แล้วทำยังไงเหรอครับ – ก็นั่งร้องไห้สิครับ, ไม่หรอก – ตอนแรกๆ ผมก็ดื้อดึง ฝืนมองไปเรื่อยๆ เพ่งแล้วเพ่งอีก จนเพื่อนๆ และผู้หลักผู้ใหญ่เตือนว่า ทำแบบนั้นสายตามันจะเสียเอานะ ให้ไปซื้อแว่นสายตายาวมาใส่จะดีกว่า แถมมีการแนะนำร้านโน้นร้านนี้อีกต่างหาก
กว่าผมจะยอมรับตัวเองได้ว่าเริ่มแก่แล้ว ก็เมื่ออ่านหนังสือไม่สนุกนั่นแหละครับ การอ่านหนังสือไม่สนุกนี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว เพราะมันต้องยืดแขนออกไปไกลๆ ที่สุดก็เลยลองซื้อแว่นสายตายาวมาใส่ โอ้โห! ดีงามเป็นที่ยิ่ง จนในที่สุด แว่นสายตายาวก็กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของชีวิตเลยครับ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้แหละครับที่ต้องเตรียมตัวเป็นอันดับแรก เพราะน้อยคนนักที่จะไม่เป็น
นอกเหนือจากนี้แล้ว บางคนก็อาจเกิดอาการซังกะตายกับชีวิตได้นะครับ ที่จริงมันก็คือ Coming of Age แบบ Mid-Life Crisis นั่นแหละครับ คือเราไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตมันคืออะไร เราอยู่ไปทำไม อะไรคือเป้าหมาย วัยเลข 4 จึงเป็นอีกวัยหนึ่งที่ต้อง Reinvent หรือ ‘สร้าง’ ตัวตนขึ้นมาใหม่
Mid-Life Crisis มักจะทำให้เรารู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นหนุ่มเป็นสาวใหม่ หลายคนในวัยนี้เลยพยายามดึงรั้งตัวเองเอาไว้กับวัยเยาว์ให้ได้มากที่สุด ประจวบกับเป็นวัยที่เริ่มมีเงินทองมั่นคงดี บางทีก็เลยใช้จ่ายกันมากมายเพื่อให้ดูหนุ่มสาว เช่น ซื้อรถสปอร์ตมาขับ ไปทำหน้า ร้อยไหม ฉีดโบทอกซ์ ฯลฯ
ทั้ง Mid-Life Crisis ในแบบที่กระตุ้นให้กระตือรือร้นอยากเป็นหนุ่มสาว กับ Coming Of Age แบบซังกะตายนั้น ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงครับ เราจะสังเกตได้ง่ายๆ ว่าร่างกายเปลี่ยนหรือเปล่า ดูได้หลายอย่าง เช่น หน้าที่เคยมันก็กลับมาแห้ง ฯลฯ ทีนี้พอฮอร์โมนมันเปลี่ยน หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่รู้จะเอายังไงดี บางทีก็พลุ่งพล่าน บางทีก็หงอยๆ ซังกะตาย พานคิดว่าเป็นโรคซึมเศร้าไปก็มี (แต่บางคนก็เป็นนะครับ มีสถิติบอกว่า คนช่วงวัยเลข 4 นี่แหละ ฆ่าตัวตายมากที่สุด)
อยากชวนแบบนี้ครับ ชวนให้กลับมา ‘ออกกำลังกาย’ กันแบบเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะแม้สถิติจะบอกว่า คนวัยเลข 4 ฆ่าตัวตายมากที่สุด แต่ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นคนวัยเลข 4 นี่แหละครับ ที่วิ่งแข่งทั้งชนะและ ‘วิ่งจบ’ การวิ่งแบบมาราธอนมากที่สุดด้วย เพราะคนวัยเลข 4 ยังมีความฟิตอยู่ แต่ที่เพิ่มเติมก็คือความอดทน เพราะผ่านโลกมาเยอะแล้ว เลยสามารถอยู่กับการวิ่งระยะยาวได้ ในขณะที่คนเลยเลข 4 ไปแล้ว จะไม่ฟิตเท่า ส่วนคนหนุ่มสาวกว่านี้ก็มักจะความอดทนน้อยกว่า การออกกำลังแบบ Endurance หรือต้องใช้เวลานานๆ แต่ไม่เหนื่อยมาก จึงเป็นสิ่งที่เหมาะกับคนวัยเลข 4 มากๆ ครับ ที่สำคัญ มันจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นไปด้วยดีด้วย
สรุปก็คือ ต้องเตรียมรับทั้งทางใจและร่างกาย แต่เราสามารถใช้ร่างกายไปโน้มนำใจของเราได้ครับ
ลองดูนะครับ เอาใจช่วย แล้วอีกสองปีข้างหน้า ค่อยมาถามผมใหม่ว่าการขึ้นเลข 5 มันให้ความรู้สึกยังไง
T-T