แนะนำ 6 บอร์ดเกมแนวประวัติศาสตร์ (เล่นบอร์ดเกมได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด!)

มีคนถามว่า ทำไมชอบเล่นบอร์ดเกม เหตุผลหนึ่ง (ในหลายเหตุผลอื่นๆ) ก็คือเพราะมีบอร์ดเกมเชิงประวัติศาสตร์ให้เล่นมากมาย และมันสอนเราหลายอย่าง เลยพยายามสะสมเกมแนวนี้ เช่น

 

DSCF2587

 

 

1. Delvulgari Eloquentia :

เกมนี้พูดถึงอิตาลีในยุคที่ยังแตกเป็นนครรัฐต่างๆ และแต่ละถิ่นก็มีภาษา (หรือจริงๆคือ dialect) ของตัวเอง แต่นี้พอมีการ ‘ค้าขาย’ (โดยพ่อค้าผ้า) เลยต้องมีการสร้างภาษากลางขึ้นมา เรียกว่าภาษา Volgare เพื่อให้สื่อสารกันได้ คนเล่นต้องพยายามช่วยสร้างภาษานี้ ไม่ว่าจะไปเรียน ไปค้นหาคัมภีร์ หรือแม้กระทั่งพยายามสร้างอำนาจให้ตัวเองด้วยการไต่เต้าไปเป็นพระสันตะปาปา (โดยอาจใช้ฐานอำนาจจากสำนักนางชี ฯลฯ) ซึ่งจะช่วยสร้างภาษาได้เพราะมีห้องสมุดใหญ่ของวาติกัน เกมนี้มีนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีและดังเต้ด้วย เพราะอยู่ในยุคที่นักบุญฟรานซิสเขียน Canticle of the Sun และดังเต้เขียน Divine Comedy พอดี

 

DSCF2590

 

 

2. Freedom : The Underground Railroad :

เกมนี้เล่าถึงขบวนการช่วยเหลือทาสให้หลบหนีจากรัฐทางใต้ไปแคนาดา เส้นทางที่มีการช่วยเหลือเรียกว่า Undergrund Railroad ในเกมจะเล่าถึงอเมริกายุคตั้งแต่หลังปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนถึงยุคที่เรียกว่า Immediatism (1830-1860) ซึ่งเป็นยุคที่เกิดขึ้นในเกม เกมนี้ต้องช่วยกันเล่นเพื่อพาทาสหนีข้ามไปแคนาดาให้ได้ โดยจะมีตัวละครในประวัติศาสตร์จริงมาปรากฏตัวเต็มไปหมด เช่น แฮร์เรียต ทับแมน, จอห์น บราวน์, จอห์น คัลฮูน และมีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นด้วย เช่น การ์ดการดีเบตระหว่างลินคอล์นกับเฟรเดอริค ดักลาส เกมนี้ถึงจะไม่ค่อยมีคนเล่นด้วย เพราะเพื่อนที่เล่นบอร์ดเกมชอบเล่นเกมห้ำหั่นกันมากกว่า แต่แค่ดูๆอ่านๆก็มีความสุขแล้ว

 

 

DSCF2588

 

 

 

 

3. A Few Acres of Snow :

เกมนี้ยังไม่เคยเล่นจนจบเสียที เพราะเป็นเกมสองคน หาคนเล่นด้วยยาก เกมง่ายแต่ว่าต้องวางกลยุทธ์เยอะ เพราะเป็นเกมที่เล่าเรื่องการต่อสู่้ระหว่างมหาอำนาจสองประเทศ คืออังกฤษกับฝรั่งเศส ตอนที่จะไปแย่งชิงพื้นที่กันทางตอนเหนือของอเมริกา (เลยไปถึงแคนาดาด้วย) ในเกมจะเล่าประวัติศาสตร์เอาไว้ว่าเกิดสงครามกันกี่ครั้ง เช่น สงครามเจ็ดปี ฯลฯ เมืองต่างๆที่อยู่ในเกมเป็นไปตามแผนที่จริง ภูมิศาสตร์จริง และประวัติศาสตร์จริง การเล่นจึงเข้มข้นมาก

 

 

 

DSCF2589

 

 

 

4. Tammany Hall :

ไม่เคยรู้จัก Tammany Hall จนได้เล่นเกมนี้ ว่ามันคือ ‘เครื่องจักรการเมือง’ ที่ช่วยสร้างนิวยอร์คขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง ผ่านการรวมตัวและต่อสู้ของชาติพันธุ์ต่างๆที่เข้ามาอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน พื้นที่เล็กๆจึงเข้มข้นไปด้วยการต่อสู้ ไม่ใช่การฟาดฟันด้วยอาวุธ แต่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่เต็มไปด้วยการหาเสียงและการป้ายสีกัน เพื่อหาเสียงในกลุ่มผู้อพยพชาติต่างๆที่มาจากยุโรป เกมทำให้เห็นและเข้าใจการทำงานของนักการเมืองยุคนั้น (และกระทั่งยุคนี้) ได้เป็นอย่างดี

 

 

DSCF2592

 

 

 

5. The New Science :

เกมโปรดตลอดกาลเกมหนึ่ง เกมนี้ฟังดูเครียด เพราะเป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ยุคไอแซค นิวตัน ที่ต้องแข่งกันทำวิจัย ทดลอง และเผยแพร่ผลงานของตัวเอง ประวัติศาสตร์จะฝังอยู่ในตัวนักวิทยาศาสตร์แต่ละคนที่ปรากฏในเกม พร้อมกับศาสตร์ต่างๆที่ต้องเรียนรู้ไปทีละขั้นๆ กับการแย่งชิงชื่อเสียงและผลประโยชน์ในทางวิชาการ สะท้อนให้เห็นยุคสมัยที่โลกเริ่มเปลี่ยนจากที่ไม่เคยรู้จักวิทยาศาสตร์ มาให้ความสำคัญกับ ‘กระบวนการทางวิทยาศาสตร์’ ที่มีหัวใจอยู่ตรงการทดลอง

 

DSCF2591

 

 

6. Castles of the Mad King Ludwig :

เกมนี้ให้แข่งกันเป็นสถาปนิกสร้างปราสาทให้กับกษัตริย์ลุดวิกแห่งบาวาเรีย คนที่สร้างปราสาทนอยชวานสไตน์อันสวยงามดุจเทพนิยายนั่นแหละครับ กษัตริย์ลุดวิกนั้นว่ากันว่าเป็นบ้าเพราะความรัก และที่สุดก็ฆ่าตัวตาย แต่ความโรแมนติก อ่อนหวาน และละเอียดอ่อนของพระองค์ ยังคงอยู่ในปราสาทต่างๆที่ทมยันตี (ในนามปากกาไหนก็ไม่รู้) เคยเขียนชมเอาไว้ในหนังสือเรื่อง ‘ทางรัก’ ว่าถ้าหยิบของออกไปจากห้องที่พระองค์ตกแต่งไว้สักชิ้นหนึ่ง หรือเอาเติมเข้าไปอีกชิ้นหนึ่ง ห้องนั้นก็จะไม่สวยอย่างที่สวยอยู่ (คือตกแต่งได้พอดีถึงขั้นสุดของความงามอะไรทำนองนั้น) เกมนี้ให้เราสร้างห้องต่างๆ รวมไปถึงห้องที่เราอาจจะคาดไม่ถึง เช่น ห้องที่มีทะเลสาบใต้ดิน (ซึ่งมีอยู่จริงๆ) เป็นต้น