อยากให้ผมลองตอบคำถามอะไร ทิ้งคำถามต่างๆ ไว้ได้ ที่นี่ เลยนะครับ
Q : คุณโตมรเคยเสียใจที่สุดเรื่องอะไรคะ และมีวิธีจัดการความรู้สึกอย่างไรคะ
A : เวลาพูดถึงเรื่องเสียใจในชีวิต มักจะนึกถึงอยู่สองเรื่องครับ
เรื่องแรกเป็นตอนที่เริ่มโต แล้วพ่อให้นาฬิกามาเรือนหนึ่ง เป็นนาฬิกาข้อมืออย่างดีที่กันน้ำได้ ตอนนั้นเลยใส่นาฬิกาเรือนนั้นไปเล่นน้ำทะเลกับเพื่อน แต่ด้วยความที่นาฬิกาเรือนใหญ่ สายก็หลวม คลื่นก็แรง เล่นน้ำไปสักพัก นาฬิกาก็หลุดหายไปจากข้อมือ
ตอนที่นาฬิกาพลัดออกมานั้น ใจหายวูบ เพราะรู้เลยว่านี่คือขณะเวลาที่เราไม่สามารถยื้อคืนกลับมาได้อีกแล้ว มันหลุดออกไปแล้ว และเป็นไปได้ที่จะจากเราไปตลอดกาล หายไปในคลื่นถะถั่งรุนแรงใต้ฟ้าที่กำลังมืดครึ้มเพราะฝนกำลังจะตก
เพื่อนๆ ช่วยกันหา แต่ทะเลก็คือทะเล เมื่อมันกลืนกินสรรพสิ่งไปแล้วย่อมไม่คลายคืนกลับ ไม่มีใครเจอนาฬิกาสีเงินเรือนนั้น – เรือนที่พ่อให้, อีกเลย ผมกลับขึ้นรถ เศร้าลึก ไม่ได้กลัวพ่อว่า แต่รู้สึกเป็นครั้งแรก ว่าชีวิตของมนุษย์คือการสูญเสียพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก นี่คือครั้งแรก และจะมีครั้งต่อๆ ไปที่หนักหนาสาหัสกว่านี้รอคอยเราอยู่อีกไม่รู้จบ ดังนั้นผมจึงยิ้มให้เพื่อน และยิ้มให้กับความเสียใจครั้งนั้นจนเพื่อนถามว่าไม่รู้สึกอะไรหรือที่ทำนาฬิกาหาย
เรื่องเสียใจที่สองที่นึกถึง ก็คือการจากไปของเจ้าของนาฬิกาเรือนนั้น พ่อตายไปอย่างกะทันหัน มีเพียงโทรศัพท์มาบอกเล่าให้ออกเดินทางไปงานศพพ่อ ระหว่างเดินทางยาวไกลไปนั้นเอง ผมร้้องไห้ และรับรู้ถึงคลื่นความเสียใจมหึมาที่แล่นผ่านหัวใจ มันคือคลื่นเดียวกับคลื่นที่พัดนาฬิกาเรือนนั้นหายไป ผิดเพียงแต่ว่า คลื่นในทะเลซัดสาดไม่รู้จบ ทว่าคลื่นแห่งความเสียใจไม่ว่าจะใหญ่เพียงใด มันจะซัดมาเพื่อหายไป และหายไปเพื่อกลับมาใหม่เสมอ แต่ทุกครั้งที่กลับมา มันจะค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ และเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะให้หายเสียใจ – หรือให้เสียใจมากเท่าเดิม
ทุกวันนี้ เรื่องเสียใจใหญ่หลวงนั้นก็ยังเป็นเหมือนริ้วคลื่นเล็กๆ ที่กระเพื่อมกลับมาเสมอเมื่อนึกหรือฝันถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และเตือนให้เรารู้ว่า – เราไม่อาจทำอะไรกับความเสียใจได้เลยจริงๆ เมื่อเกิดขึ้นมันก็จะเกิด และเมื่อหายไปมันก็จะหาย
มีเพียงเราเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้ ทำหน้าที่เป็นเพียงฉาก เพื่อรับรู้ถึงคลื่นอันควบคุมไม่ได้เหล่านั้นเท่านั้น