ทำไมคนถึงเรียกขนมปังชุบไข่ทอดว่าเฟรนช์โทสต์

อยากให้ผมลองตอบคำถามอะไร ทิ้งคำถามต่างๆ ไว้ได้ ที่นี่ เลยนะครับ

 

 

Q : ทำไมคนถึงเรียกขนมปังชุบไข่ทอดว่าเฟรนช์โทสต์ครับ

 

A : เฟรนช์โทสต์ก็คือขนมปังที่ ‘ถูกทิ้ง’ นั่นแหละครับ

นี่ไม่ได้ว่าใครนะครับ แต่เฟรนช์โทสต์นั้น คนฝรั่งเศสเขาเรียกว่า Pain Perdu ซึ่งก็คือการนำเอาขนมปังที่เก่าเก็บ เรียกว่ากินไม่ได้แล้ว (แต่ไม่ได้ขึ้นรานะ) มา ‘รีเมก’ ใหม่ เพื่อให้กลายเป็นของที่กินได้

ขนมปังเก่าเก็บของฝรั่งนั้นไม่เหมือนของเราหรอกนะครับ เพราะบ้านเขาไม่ได้ร้อนชื้นเหมือนบ้านเรา ดังนั้นขนมปังที่เก่าเก็บจึงไม่ค่อยจะขึ้นรา แต่จะออกแนวแข็งๆหืนๆหน่อย เรียกว่า Stale คือเป็นขนมปังค้างคืน เอามากินเลยไม่ได้เพราะนอกจากจะไม่อร่อยแล้วยังกระเดือกไม่ลงอีกต่างหาก

ทีนี้ถ้าเสียดาย อยากนำขนมปังพวกนี้มากินอีก ก็ต้องนำมาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มันกินได้ ที่ง่ายที่สุดก็คือนำมาแช่ในนมให้นิ่มๆ แล้วก็เอาไปทอด

ที่จริงขนมปังแบบนี้ไม่ได้เริ่มต้นขึ้นที่ฝรั่งเศสหรอกนะครับ แต่ว่ากันว่าเริ่มต้นกันสมัยศตวรรษที่ 4 หรือ 5 ในตำราอาหารของพวกโรมันโน่นแน่ะ แล้วก็แพร่หลายกันไปทั่ว อย่างในเยอรมันก็มีขนมปังแบบนี้ เรียกว่า Arme Ritter (แปลว่าอัศวินที่น่าสงสาร)

ในอังกฤษก็มีเหมือนกัน แต่ในอังกฤษนั้น ว่ากันว่ารับมาจากฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคที่ชาวนอร์แมน (หรือนอร์มังดี) ขึ้นไปครองอังกฤษจนก่อเกิดเป็นราชวงศ์อังกฤษ โดยเรียกว่า Pain Perdu หรือแปลว่า Lost Bread ที่บอกว่าเป็น Lost Bread ก็เพราะถ้าไม่เอามากินก็ต้องโยนทิ้ง พอโยนทิ้งก็ ‘หาย’ ไปยังไงเล่า รวมถึงอีกสูตรหนึ่งที่เรียกว่า Tostees Dorres ด้วย

คนที่เรียกว่า French Toast นั้น น่าจะเป็นคนอเมริกันมากกว่าอย่างอื่น เพราะคนอังกฤษก็คงเรียกว่า Pain Perdu เหมือนคนฝรั่งเศสนั่นแหละ แต่คนอเมริกันนั้นชอบเรียกอะไรให้มันง่ายๆ ฟังปุ๊บก็รู้ปั๊บ ว่าคืออะไร มาจากไหน ก็เลยเรียกว่าเฟรนช์โทสต์นั่นแล

อ้อ! แล้วที่บอกว่าเป็นขนมปังจุ่มนมนำไปทอดนั้น ตอนหลังถึงมีการดัดแปลงมาใส่ไข่ด้วย ทำให้เป็นเฟรนช์โทสต์แบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน แต่เอาเข้าจริงๆ มีการใส่อะไรลงไปเยอะทีเดียว อย่างในสูตรที่เรียกว่า Tostees Dorres นั้น บางทีก็ใส่ไวน์แดง น้ำส้ม แล้วก็น้ำตาล แต่ไม่ได้ใส่ไข่กับนมก็มี

ที่สำคัญ เฟรนช์โทสต์นั้นยังมีสไตล์จีนกับสไตล์อินเดียอีกด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงสามารถคิดค้นสูตรของตัวเองขึ้นมาได้ทุกเมื่อ แล้วก็ให้ชื่ออะไรก็ได้ตามใจเรา เช่น ไทยโทสต์ไง

แต่อร่อยหรือเปล่านี่ไม่รู้นะครับ