เรามักจะคุ้นเคยกับนิทานที่ถูกกระทำให้เรียบง่าย เช่นว่า ตอนต้นเรื่อง เจ้าหญิงอาจทุกข์ยาก ถูกแม่มดรังแก แต่แล้วก็มีนางฟ้ามาช่วย ในที่สุด ตอนจบเจ้าหญิงก็ได้อยู่กับเจ้าชายอย่างมีความสุขไปจนชั่วชีวิต
แต่ชีวิตจริงของคนไม่เคยเรียบง่ายแบบนั้นเลย
ต่อให้เป็นชีวิตของคนที่เรียบง่ายที่สุด ปลีกตัวที่สุด วิเวกที่สุด ไม่สนใจคนอื่นมากที่สุด – ก็ยังซับซ้อนได้มากจนหลายคนคิดไม่ถึง
เพราะชีวิตมีองค์ประกอบมากมาย และมีหลายช่วงเวลา ที่เราคล้ายถูกผลักดันจากมือที่มองไม่เห็น ให้กระทำ ให้รู้สึก ให้โศกเศร้า และให้ลึกซึ้งไปกับบางเรื่องราว บางคน บางสถานการณ์
แม้เรื่องนั้นกับคนเหล่านั้นจะจบลงไปแล้วเมื่อเนิ่นนานหลายปีก่อน ทว่าผลพวงที่เรามองไม่เห็นกลับดำเนินต่อไปในที่ห่างไกล ไกลจากความรับรู้ของเรา
แล้ววันหนึ่ง – มันก็กลับมา
ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ชั่วเดือน ชั่วปี ล้วนเป็นความสัมพันธ์ชั่วคราวทั้งสิ้น เมื่อมันจบลง มันจะแลดูคล้ายจบลง แต่มันไม่เคยจบลงอย่างแท้จริง ทว่าเป็นคล้ายต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงไปในดิน ลงไปในใจของเรา โดยไม่ได้แม้แต่จะผลิดอกออกผลให้เราเห็น ให้เราสำนึก
กระทั่งผ่านไปสิบปี ยี่สิบปี หรือสามสิบ มันก็ยังสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่แล้ว – จู่ๆ เมื่อมันเกิดขึ้น มันก็กลับเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที ไม่มีปี่มีขลุ่ย ความซับซ้อนในชีวิตที่เคยหายไป หวนกลับมาใหม่อีกครั้ง
สิ่งที่หวนกลับมา คล้ายเป็นสำนึกของสัตว์ประหลาดแปลกหน้ามหึมา เหมือนสำนึกของช้าง สำนึกที่เรากลบฝังผ่านพ้น แต่เมื่อมันหวนกลับมา เราอาจย้อนกลับไปทำบางสิ่งที่เราไม่เคยคิดฝัน เราอาจทิ้งชีวิตที่เป็นอยู่ เพื่อเดินทางเข้าไปในอดีต เข้าไปหาความทะนุถนอมบอบบางที่เราทำมันหล่นหายไปในกาลเวลา
โลกเป็นเช่นนี้เสมอ
ยามเช้าชุ่มน้ำค้างสดชื่นไม่เคยอยู่กับเรานาน น้ำค้างจะระเหยเหือด แล้วทุกสิ่งรอบตัวเราก็แห้งผาก แม้กระหายสักเพียงใด ฝนก็ไม่ตกลงมา
เรามีชีวิตเช่นนี้เสมอ
ชีวิตที่หยั่งคาดไม่ได้ คาดเดาไม่ได้ ว่าเมื่อไหร่กันหนอ เราจึงจะหลุดออกจากความน่าเบื่อหน่ายของชีวิต เพื่อไปพบกับอีกด้านที่ก็ไม่พึงปรารถนามากพอๆกัน
เรื่องราวของชีวิตไม่เคยเรียบง่าย
มันซับซ้อนเสมอ