บันทึกอุบัติเหตุ

1. สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เคยมีเด็กขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนสามฝ่าไฟแดง (และไม่มีใบขับขี่) มาชนรถ เด็กๆพวกนั้นเจ็บ รถกันชนหลุด ตอนนั้นทั้งโมโหและกลัว พยายามยืนยันความผิดของเด็กๆเหล่านั้นจนรู้สึกว่าเหนื่อยมาก เพราะต้องตามไปถึงบ้าน ไปคุยกับผู้ปกครองต่างๆนานา ที่สุดก็ขึ้นโรงพักทำบันทึกประจำวันไว้ เสร็จแล้วก็กลับมาซ่อมเองออกเงินเอง ปรากฏทำสีกันชนแค่พันกว่าบาทก็จบ ตอนนั้นคิดว่าการถูกชนเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่พอจบแบบนี้ก็นึกถามตัวเองว่า-แค่นี้เองเหรอวะ มันจบได้ง่ายๆแค่นี้เองนะ ไม่เห็นต้องเสียพลังเสียเรี่ยวแรงอะไรมากมายเลย

2. อีกครั้งเคยไปชนเขา (เป็นครั้งเดียวที่เคยไปชนคนอื่น) คืออยู่ในที่จอดรถของห้างแล้วมันมืดๆ มองไม่เห็น เลยเฉี่ยวกัน เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเราก็รีบรับผิดทันทีเพราะผิดจริงๆ คู่กรณีเป็นหนุ่มสาว ก็เลยรอเรียกประกัน ระหว่างรอก็คุยกันไปคุยกันมา ปรากฏว่าฝ่ายนั้นทำงานพีอาร์ (ส่วนเราทำงานนิตยสาร) เลยกลายเป็นว่าได้ติดต่องานกันไปในที่สุด กลายเป็นการรอประกันที่ productive ไปเลย

3. อีกครั้งหนึ่งที่ประทับใจมาก คือเคยถูกรถคันหนึ่งชนท้ายเสียงดังมาก ก็เลยจอดรถ คู่กรณีก็จอดรถด้วย แต่พอดูกันชนรถ ปรากฏว่าเป็นรอยนิดหน่อย ก็เลยบอกเขาว่าไม่เป็นไรหรอก แต่คู่กรณี (ที่พูดจาสุภาพมากๆ) บอกว่าอย่าเลย ให้รอเรียกประกันเถอะ เขามีประกัน เขาบอกด้วยว่าจะได้เคลมทำสีรอยเก่าไปด้วย เพราะเขาผิดเอง เลยอยากให้เราได้รับการชดเชย แต่เราก็ยืนยันเหมือนกันว่าไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ จะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งคู่ สุดท้ายเลยต่างคนต่างแยกกันไปด้วยความรู้สึกที่โคตรดีที่แม้จะถูกชนท้าย แต่ได้เจอคนดีๆ

4. อีกครั้งที่แย่มากๆ คือตอนนั้นไปต่างจังหวัด และจอดรถถามทางอยู่โดยรถจอดที่ไหล่ทางและเปิดไฟกระพริบเรียบร้อย แต่จู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์พุ่งมาชนท้าย เป็นหนุ่มสาวที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์จู๋จี๋กันอยู่ (มันน่าจะเป็นวันที่แสนดีของเขาและเธอ) เป็นการชนที่แรงมาก คือไม่ได้เบรคเลย (น่าจะไม่ได้มองทางกัน) ถึงขั้นทั้งคู่หมดสติไปครู่หนึ่ง

เราทำอะไรไม่ถูกเลย แต่พอลุกขึ้นมาได้ ฝ่ายชายก็บอกว่าไม่เป็นไรครับๆๆ พูดอยู่แค่นั้น ปรากฏว่าทั้งคู่เป็นชาวพม่าที่เข้าเมืองแบบผิดกฎหมายเพื่อมาทำงาน เลยไม่อยากให้เรื่องไปถึงหูเจ้าหน้าที่ เพราะอาจจะถูกส่งตัวกลับได้

ตอนนั้นเสียใจมากๆ (แม้ไม่ได้ทำอะไรผิด) เพราะถึงอย่างไรก็ต้องให้หน่วยกู้ภัยพาพวกเขาไปโรงพยาบาล ซึ่งฝ่ายชายไม่เป็นอะไรมาก แต่ฝ่ายหญิงศีรษะกระแทกกับท้ายรถ (คือเหมือนถูกแรงเหวี่ยงจากการชนทำให้พุ่งมาโดน) ก็พยายามตามไปดูที่โรงพยาบาล อยากช่วยเหลือเขาเท่าที่จะทำได้

แต่เรื่องก็จบลงตรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเราว่าไม่ต้องทำอะไร เพราะพวกเขาเข้าเมืองผิดกฎหมายจริง และคนที่เราถามทางก็เป็นพยานว่าเขามาชนท้ายเองจริง

เราบอกว่าอยากช่วยอะไรเขาบ้าง แต่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่าอย่าช่วย เพราะการช่วยจะทำให้น่าสงสัยว่าทำไมถึงต้องไปช่วยเขาทั้งที่เราไม่ผิด เหมือนมีพิรุธว่าเราเป็นฝ่ายผิดหรือเปล่า และจะทำให้เรื่องซับซ้อนขึ้น

สุดท้ายพอรู้ว่าทั้งคู่ปลอดภัยแล้ว ก็เลยต้องกลับมาโดยไม่ได้เจอกันอีก กับเรื่องนี้รู้สึกแย่และเศร้ามากๆ เพราะมันเผยให้เห็นการทำงานของอำนาจในหลายระดับ