Ozark : สนุกแบบ Dark Drama

[คำเตือน : SPOILED REVIEW]

 

นานมากแล้ว ที่ไม่ได้ดูซีรีส์ต่อเนื่อง (แบบที่เรียกว่า Binge Watching) แทบจะรวดเดียวจบ เพราะบอกตามตรงว่า ไม่ค่อยมีซีรีส์เรื่องไหนดึงดูดใจให้ ‘ต้องดู’ ในแบบที่ Breaking Bad หรือ Game of Thrones (ซีซันแรกๆ) ทำได้

แต่ Ozark ทำได้!

ไม่ครับ, ผมคงหยิบ Ozark ไปเทียบกับ Breaking Bad หรือ Game of Thrones ไม่ได้หรอก เพราะ Ozark เพิ่งออกมาให้ดูแค่ซีซันเดียว เอาเข้าจริงก็ต้องรอดูซีซันต่อๆ ไปอีก ว่าจะพาเราเดินทางไปได้ถึงไหนกัน

Ozark เป็นชื่อของทะเลสาบที่เกิดขึ้นเนื่องจากการกั้นเขื่อนบนแม่น้ำ Osage ในรัฐมิสซูรี่ แต่ว่าเรื่องราวใน Ozark ไม่ได้เกี่ยวกับธรรมชาติ พืชพรรณ หรือเรื่องสิ่งแวดล้อมนะครับ

มันคือเรื่องของ ‘เงิน’

แล้วไม่ใช่เงินธรรดาด้วยนะครับ แต่เป็นเงินที่เกิดจากการ ‘ฟอก’ ในธุรกิจดำมืดมหึมามหาศาล!

เรื่องนี้เป็นเรื่องของชายผิวขาววัยกลางคนที่ชีวิตก็ดีๆ อยู่พอสมควรแล้ว แต่ดิ้นรนอยากให้ครอบครัวมีอันจะกินเพิ่มขึ้นไปอีก เขาเลยยอมตัวเข้าไปเกี่ยวพันกับแก๊งฟอกเงินชาวเม็กซิโก แล้วที่สุดก็ตกบันไดพลอยโจน แทบจะดิ้นหนีไม่ออก

เขาชื่อ มาร์ตี้ เบิร์ด (Marty Byrd) ซึ่งแสดงโดย เจสัน เบตแมน (Jason Bateman) ซึ่งคุณเจสันนี่ ทำทั้งแสดงด้วย กำกับด้วย โปรดิวซ์ด้วยอีกต่างหาก เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเขาไปเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลสาบที่ว่า แล้วก็เลยเกิดคิดถึงพล็อตแบบนี้ขึ้นมาได้ ประมาณว่าถ้าต้องลองมา ‘ฟอกเงิน’ อยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จะทำได้ยังไงบ้าง

netflix

เจสันบอกว่า ในฐานะนักแสดง เขาจะทำงานแค่ชั่วโมงละ 15 นาที ที่เหลือ 45 นาที เป็นงานของคนที่อยู่หลังกล้อง แต่พอมาเป็นทั้งนักแสดง โปรดิวเซอร์ แล้วก็กำกับด้วย (เขาอยากกำกับทุกตอน แต่ก็ทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ) ก็ต้องทำงานชั่วโมงละ 60 นาที คือเรียกว่าทำกันตลอดเวลาเลยทีเดียว

เข้าใจว่าเขาเริ่มทำออกมาก่อนสี่ตอนแรก แล้วค่อยไปขายให้ NetFlix ซึ่งก็แน่นอนว่า NetFlix สนใจ (ไม่งั้นเราคงไม่ได้ดูกันหรอกนะครับ)

ถ้าให้เล่าเนื้อหาของ Ozark มันคงไม่น่าทึ่งเท่าไหร่ เพราะดูจะคล้ายๆ ซีรีส์น่าตื่นเต้นทั่วไป คือกระทาชายนายมาร์ตี้ (ที่มีลูกมีเมียแล้ว) จับพลัดจับผลูไปเกี่ยวข้องกับแก๊งฟอกเงิน (และค้ายา) แล้วปรากฏว่าเพื่อนร่วมงานของเขาโกงเงินเจ้าพ่อ ก็เลยถูกฆ่าเสีย ตัวมาร์ตี้เองก็เกือบถูกฆ่าแล้วเหมือนกัน แต่บังเอิญเขาคิด ‘แผน’ ขึ้นมาได้ในฉับพลันทันทีที่จะ ‘ฟอกเงิน’ เอากลับมาคืนให้ได้ ทำให้ไม่ถูกฆ่า

แผนที่ว่าก็คือ เขาจะไปฟอกเงินที่ Ozark ที่ซึ่ง “มีชายฝั่งยาวกว่าแคลิฟอร์เนีย” (แต่เป็นชายฝั่งยึกยือนะครับ เพราะเป็นทะเลสาบ) แล้วพวกคนขาวก็จะไปเที่ยวกันที่นี่ในฤดูร้อน ช่วงนั้นก็จะเป็นช่วงทำเงิน ทำให้เขาสามารถฟอกเงินได้สบายๆ

สำหรับผม Ozark ไม่ได้น่าตื่นเต้นที่พล็อตเรื่อง เพราะส่วนใหญ่พอเดาได้อยู่ แต่ไอ้ที่บอกว่า ‘พอเดาได้’ นี่แหละครับ ที่มันแสบ อย่างเช่นตอนที่มาร์ตี้ถูกปืนจ่อหัว เจ้าพ่อจะฆ่าเขาอยู่รอมร่ออยู่แล้ว แต่วิธีกำกับ วิธีเล่นกับกล้อง วิธีใช้เสียงประกอบ ฯลฯ มันทำให้เราไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะตายหรือไม่ตายกันแน่

แล้วไม่ใช่แค่ฉากนี้เท่านั้น ยังมีอีกหลายฉากที่ทำให้ต้องหยุดหายใจ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ลูกสาวของมาร์ตี้จมน้ำในทะเลสาบ เราคิดอยู่แล้วว่าเธอเป็นตัวละครหลัก ยังไงก็ไม่ควรจะตายหรอก แต่ซีรีส์ก็ผลักเราไปอยู่ตรงเส้นเขตแดนระหว่างความเป็นความตายรอมร่อมากๆ จน ‘เดาไม่ถูกในความเดาได้’ ตลอด

ฉากที่โดยส่วนตัวแล้วพีคมาก ก็คือตอนที่บาทหลวง (ที่ถูกหลอกให้เทศน์โดยคนอื่นค้าขายไปด้วย) เอาลูกตัวเองไปจุ่มน้ำในทะเลสาบ ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไร เหมือนเขากำลังจะฆ่าลูกตัวเอง เหมือนปัญหาทุกอย่างมันสุมรุมเข้ามาจนอึดอัดมาก แต่แล้วเขาก็กระชากลูกขึ้นจากน้ำ ยิ้มให้ กลายเป็นว่าเขาทำพิธีล้างบาปให้ลูก

ozark-jason-bateman-veut-disparaitre-sur-netflix_2xuj.640

งานสร้างของ Ozark พิถีพิถันมาก เรื่อง Cinematography นี่ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมครับ (Mike Hale จากนิวยอร์คไทม์ส บอกว่า Your comfort level will be enhanced by the arty, muted cinematography ซึ่งผมเห็นด้วยมากๆ)

เพราะมันกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Ozark ดูคลุมเครือ สลัวเลือน หม่น แต่ในเวลาเดียวกันก็โคตรตลกแบบตลกร้าย ตลกแบบอุดปากไว้ไม่ให้หัวเราะ (ซึ่งก็รวมทั้งตื่นเต้นจนฉี่จะราดแต่ต้องทำหน้าสงบสุขุมด้วย) ประมาณว่า Cinematography นี่ เป็น ‘นักแสดง’ เอกอีกตัวหนึ่งของเรื่องไปด้วยเลยทีเดียว

Ozark มีอะไรบางอย่างที่ดูไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้างนะครับ เช่น ทำไมมาร์ตี้ต้องห่วงใยครอบครัวบาทหลวงขนาดนั้น หรือคนที่เป็น Rednecks จะรู้สึกรู้สาอะไรกับการถูกเรียกว่าเป็น Rednecks ได้ขนาดนั้น (อันนี้คือการเหยียดในเหยียดแบบไร้ Political Correctness น่ะนะครับ) แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ convincing ไปเลยทีเดียว

นอกจากนี้  Ozark ยังนำเสนอปัญหาความเหลื่อมล้ำ สีผิว ความสัมพันธ์ทางเพศในรูปแบบต่างๆ ปัญหาการใช้และซื้อหาปืน และกระทั่ง ‘ชนชั้น’ (แบบบางเบา) ที่มีอยู่ในอเมริกาให้เราเห็นได้ด้วย เรียกว่าเอา Cultures หลายๆ อย่าง มา Clash กัน แต่เป็นการ Clash แบบนวลเนียน ดูแล้วสนุกจนสามารถ Binge Watch ได้

เอาเป็นว่า ถ้าชอบซีรีส์แนวนี้ และมีเวลามากพอ ก็ลอง Bing Watch กับ Ozark ดูนะครับ