คุณรู้ไหม – ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งหูหนวกและตาบอด, สามารถขี่จักรยานและเรียนจบฮาร์วาร์ดได้

1

Toleration is the greatest gift of the mind;

It requires the same effort of the brain 

that it takes to balance oneself on a bicycle.

Helen Keller

ผมเคยขี่จักรยานไปช้าๆบนถนนอันคับคั่ง อยู่บนผิวจราจรเดียวกันกับรถยนต์ แต่เลาะเลียบริมทางเท้าไปเรื่อยๆ

ไม่ง่ายเลยที่จะเลาะเลียบไปอย่างนั้น เพราะพื้นผิวถนนตรงบริเวณที่อยู่ตรง ‘พรมแดน’ ของถนนสำหรับรถและทางเท้าสำหรับคนนั้นก็เหมือนกับ ‘พรมแดน’ อื่นๆ

มันคือพื้นที่ที่มี ‘กฎเกณฑ์’ แตกต่าง มันคือชายขอบ เป็นดินแดนที่ไร้การเข้าถึง จะมีไว้เพื่อรถยนต์ก็ไม่ใช่ จะมีไว้เพื่อคนเดินเท้าก็ไม่เชิง

พื้นที่จราจรบนถนนที่อยู่ใกล้กันกับทางเท้านั้น ส่วนใหญ่มักขรุขระกว่าพื้นผิวตรงกลางๆถนน ที่ซึ่งมักถูกบดอัดมาอย่างเรียบกริบ จนคนที่นั่งอยู่ในรถหรูที่มีระบบกันสะเทือนชั้นเลิศแทบนึกว่าตนลอยอยู่บนก้อนเมฆ แต่พื้นที่ชายขอบตรงนี้ มักมีหยดยางมะตอยแห้งๆเอาไว้ให้สะดุด มีร่องของขอบท่อระบายน้ำที่กว้างใหญ่และลึกราวกับร่องลึกมารินาเทรนช์ในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่นับรวมท่อระบายน้ำที่บางครั้งก็วางในแนวขวางกับล้อพอให้แล่นผ่านไปได้ แต่บางครั้งจู่ๆก็วางในแนวขนาน ชวนให้ต้องเลี้ยวล้อหลบอย่างน่าหวาดเสียว

พื้นที่ชายขอบนี้จะว่าสนุกก็สนุก จะว่าลำบากลำบนก็ใช่อีก เพราะมันคือดินแดนที่ไม่อาจคาดเดา

วันนั้น เมื่อขี่จักรยานอยู่บนดินแดนที่ไม่อาจคาดเดานี้ ผมเห็นนักปั่นจักรยานอีกคนหนึ่ง

เขาไม่ได้ปั่นอยู่ในดินแดนเดียวกันกับผม เขาปั่นอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง

ถ้าโลกของผมคือโลกของริ้วคลื่นไม่เรียบของหยดยางมะตอยและฝาท่อระบายน้ำ โลกของเขาก็คงเป็นโลกของคลื่นสึนามิขนาดยักษ์

เขาปั่นจักรยานเหมือนกำลังโล้โต้ชีวิต โลดโผนพิสดารอยู่ในท่ามกลางความคับคั่งแต่มิได้หยุดนิ่งของรถรา

เขาปาดซ้ายที ขวาที ร่างสูงของเขาโดดเด่นเหนือแถวของหลังคารถเก๋ง มันวกไปมา แลดูเหมือนเขากำลังควบม้าศึกเร็วรี่ลัดเลาะไปตามซอกของรถ

ผมมองเขาอย่างห่วงๆ

เราไม่รู้หรอกว่าคลื่นจะซัดเขาตกลงมาในน้ำเมื่อไหร่

2

เฮเลน เคลเลอร์ เคยบอกไว้ว่า

 

ความอดทนอดกลั้นคือพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจิต

ต้องใช้ความพยายามของสมองในส่วนเดียวกัน

กับที่ใช้ในการเลี้ยงตัวอยู่บนสมดุลขณะขี่จักรยาน

 

แรกทีเดียว-ผมเดาว่า เฮเลน เคลเลอร์ ไม่น่าจะขี่จักรยานเป็น

ผมไม่ได้ดูแคลนว่าเธอเป็นผู้หญิง จึงขี่จักรยานไม่เป็น

แต่เฮเลน เคลเลอร์ เป็นผู้หญิงที่ทั้งหูหนวกและตาบอดมาตั้งแต่อายุ 19 เดือน ไม่มีใครคิดว่าเธอจะพัฒนาอะไรได้ เพราะเธอไม่อาจรับรู้ได้ทั้งภาพและเสียง

แต่แล้วเธอก็ได้ครูที่ดีอย่างแอนน์ ซัลลิแวน ผู้มาสอนเธอด้วยการใช้สัมผัส แอนน์ใช้มือของเธอขีดเขียนลงไปบนฝ่ามือของเฮเลน แล้วค่อยๆทำให้เธอเรียนรู้ตัวอักษรและศัพท์ทีละน้อยๆ

ไม่น่าเชื่อว่า เฮเลน เคลเลอร์ จะเรียนจนจบมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเป็นบัณฑิตคนแรกที่ทั้งหูหนวกและตาบอด เธอกลายเป็นนักการศึกษาและนักเขียนที่มีชื่อเสียง และได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ รวมทั้งเป็นผู้รณรงค์ในสิทธิลงคะแนนเสียงทางการเมืองของผู้หญิงด้วย

เฮเลนบอกว่า การศึกษาในระดับสูงสุดก็คือการรู้จักอดทนอดกลั้น และเธอก็เปรียบเทียบความอดทนอดกลั้นนั้นกับการขี่จักรยาน

ใช่แล้ว-ที่จริงแล้ว ผู้หญิงที่หูหนวกและตาบอดคนนี้ขี่จักรยานเป็น!

แม้ว่าจักรยานที่เธอขี่จะเป็นจักรยานแบบสองที่นั่ง คือมีอีกคนหนึ่งที่มองเห็นและได้ยินเสียงเป็นผู้ควบคุมจักรยานอยู่ด้วย แต่การที่เฮเลนสามารถเรียนรู้วิธีขี่จักรยาน และสามารถเปรียบเปรยการเลี้ยงตัวอยู่บนสมดุลของจักรยานเข้ากับความอดทนอดกลั้น ก็แสดงให้เห็นว่าเธอขี่จักรยาน ‘เป็น’ จริงๆ 

และอาจ ‘เป็น’ มากกว่าที่ผมขี่เป็นเสียอีก!

3

ฉันไปเยี่ยมโรงงาน สลัม เยี่ยมคนยากจน 

ถึงฉันจะมองไม่เห็นแต่ก็ได้กลิ่น

เฮเลน เคลเลอร์

เมื่อปั่นจักรยานช้าๆอยู่บนดินแดนที่ไม่อาจคาดเดา คนที่มีคุณูปการกับผมมากที่สุด คือคนขี่จักรยานช้าๆ…ที่ช้ากว่าผม

พวกเขามักใช้จักรยานราคาไม่แพง ไม่มีเกียร์ ไม่มีการวัดตัวให้พอดีกับจักรยาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจักรยานของตนนั้นมีขนาดเท่าไหร่ สูงเท่าไหร่ สอดรับกับสรีระหรือไม่

คนใช้จักรยานเหล่านี้มักเป็นแม่บ้านหรือไม่ก็พนักงานรักษาความปลอดภัยที่คุ้นเคยกับพื้นที่ดีอยู่แล้ว แม้พวกเขาขับช้าๆ แต่พวกเขาไม่เคยถึงช้า เพราะพวกเขารู้ว่าจะผ่านสี่แยกที่ผ่านทุกวันอย่างไรให้เร็ว

ใช่, เร็วทั้งที่ขี่ช้าๆนี่แหละ

พวกเขารู้ว่าจังหวะของไฟแดงในแต่ละสี่แยกไม่เหมือนกัน บางสี่แยกปล่อยรถทีละฝั่งยาวนาน แปลว่ารถที่ติดอยู่ก็ต้องติดอยู่ยาวนานด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาก็มีหนทางเลี่ยง เป็นเทคนิคเฉพาะ-ทั้งเฉพาะตัวและเฉพาะพื้นที่ จนสามารถหลุดรอดผ่านสี่แยกเหล่านั้นไปได้เร็วกว่าที่ใครจะคาด

ผมขี่ช้าๆมาจนถึงสี่แยกใหญ่ และพบว่านักปั่นโต้คลื่นสึนามิก็มาติดอยู่ที่สี่แยกใหญ่เช่นเดียวกัน เราจอดรถอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ รอคอยให้ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว เพื่อที่เขาจะได้พุ่งทะยานออกไปโต้คลื่นต่อ ในขณะที่ผมจะค่อยๆปั่นไปในดินแดนที่ยากจะคาดเดานั้นอีก

ไฟยังคงแดง,

และแล้ว จักรยานแช่มช้าที่เราสองคนแซงมานานแล้วก็แล่นมาถึง ผู้หญิงวัยกลางคนที่ขี่มันมาไม่ได้มีทีท่าสนใจจักรยานราคาแพงของคนอื่น เธอมองดูการจราจรบนถนน แล้วขยับรถไปรออยู่ตรงจุดหนึ่งที่ทั้งผมและนักปั่นโต้คลื่นคิดไม่ถึง

และแล้วในจังหวะหนึ่ง เป็นจังหวะที่คุ้นเคยเพียงแวบเดียว ผมก็พบว่าจักรยานแช่มช้าคันนั้นได้ข้ามสี่แยกไฟแดงไปแล้วเหมือนปาฏิหาริย์

แค่มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่านี่คือความสามารถที่เกิดจากการสังเกตและปฏิบัติจนคุ้นชิน ท่วงทีการขี่จักรยานแช่มช้านั้นสง่างาม เรียบง่าย และแลดูธรรมดาๆจนไม่มีใครสังเกตเห็น คล้ายเธอไม่ได้มีตัวตนอยู่ที่ไหนเลย ไม่ทุลักทุเลเหมือนผมที่ต้องคอยหลบหยดยางมะตอย ไม่แลดูโอ่อ่าอลังการชวนหวาดเสียวเหมือนนักปั่นโต้คลื่น

จักรยานแช่มช้าคันนั้นช้ากว่าใคร แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็เร็วกว่าใครด้วย

ที่สำคัญ ผมพนันว่าเธอคือนักปั่นที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุดในบรรดาเราสามคน

ใช่แล้ว…เพราะความแช่มช้านั่นเอง

4

เฮเลน เคลเลอร์ ไม่ได้เป็นเพียงนักเขียนและนักการศึกษา เธอยังเป็นสมาชิกพรรคสังคมนิยม ที่ทำงานรณรงค์ช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานจนตลอดชีวิต การที่เธอบอกว่าเธอมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน แต่ ‘ได้กลิ่น’ ของพวกเขานั้น บอกเราว่าเธอได้ใช้ผัสะที่เหลืออยู่ในร่างกายอย่างละเอียดอ่อนด้วย

เมื่อเห็นจักรยานแช่มช้าคันนั้น ผมนึกถึงเฮเลน เคลเลอร์ และความอดทนอดกลั้นที่เธอพร่ำสอนเรา

ผมมองหน้านักปั่นจักรยานโต้คลื่น ยิ้มให้เขา แล้วหันกลับมามองดูไฟแดงนั้นอีกครั้ง

คงอีกนานกว่าไฟจะเขียว…

และหากเราไม่รู้จักความแช่มช้าอันเชี่ยวชาญ,

เราก็ต้องรู้จักรอคอย…